ที่มาภาพ จาก @TopYell

โชคชะตาไม่ใช่สิ่งที่จะรู้ได้ว่าจะล้มลุกคลุกคลานเช่นใด ทั้งการเข้าสังกัด, แสดงละครซีรีส์, ติดเซ็มบัตสึครั้งแรก ทำให้เป็นจริงได้ทั้งหมดให้เห็นในหนึ่งปีนี้ อย่าว่าแต่นั่งอยู่บนหิน 3 ปี* เลย เพราะความมุ่งมั่นตลอด 8 ปีที่อากิฮาบาระนั้นไม่ธรรมดาเลย สิ่งที่ตัดสินใจแล้วหนหนึ่งจะไม่มีทางถอดใจได้ง่ายๆ

 *สำนวนญี่ปุ่นที่กล่าวว่าหากนั่งอยู่บนหินที่เย็นเป็นเวลาสามปีก็สามารถทำให้หินนั้นอุ่นขึ้นมาได้ เปรียบเปรยกับการพยายามและอดทนทำสิ่งที่ยากลำบากจนประสบความสำเร็จ


“ซ้อมเพลงใหม่วันละ 3 ชั่วโมงเป็นระยะเวลาราว 1 เดือน”

ดูไม่เหมือนคนติดเซ็มบัตสึครั้งแรกเลยนะเนี่ย

โอเมกุ : โดนพูดอยู่บ่อยๆ ค่ะ (หัวเราะ)

ที่ผ่านมามองตำแหน่งเซ็มบัตสึไว้ยังไงเหรอครับ?

โอเมกุ : ดูรายการเพลงมาตั้งแต่สมัยเป็นแฟนคลับ เลยมีความคิดว่า ถ้าได้เป็นเมมเบอร์ AKB48 ตัวฉันเองก็อยากจะออกรายการเยอะๆ เหมือนกันค่ะ เซ็มบัตสึเมมเบอร์เนี่ยก็ถือว่าเป็นก้าวถัดไปสู่การทำฝันให้เป็นจริงด้วย เลยอยากจะติดให้ได้ค่ะ

การประกาศเซ็มบัตสึของซิงเกิล Ne mo Ha mo Rumor นี้ถูกจัดขึ้นที่ AKB48 Theater ซึ่งบรรยากาศที่ว่าถูกฉายในรายการประจำ Nogizaka ni Kosaremashita ด้วย ในตอนนั้นถูกเรียกไปยังเหรอครับ?

โอเมกุ : วันนั้นถูกเรียกไปว่า “มีถ่ายรายการ” แล้วจู่ๆ ก็โดนบอกว่า “ขอเข้าเรื่องเลยนะครับ จะประกาศเซ็มบัตสึเมมเบอร์ซิงเกิลที่ 58 กันนะครับ” แล้วก็ประกาศออกมา ตอนที่ได้ยินว่าจะถ่ายรายการก็คิดอยู่เหมือนกันค่ะว่าอาจจะมีประกาศเซ็มบัตสึก็ได้

เป็นการออกซิงเกิลในรอบประมาณ 1 ปีครึ่ง ซึ่งประกาศในคอนเสิร์ตเมื่อเดือนพฤษภาคมว่าจะวางขาย แล้วก็ประกาศเรื่องที่จะเป็นการวางขายในฐานะ ‘AKB48 อย่างแท้จริง’ โดยที่ไม่มีวงน้องสาวเข้าร่วมสินะครับ

โอเมกุ : ดีใจเลยล่ะค่ะ ในไลฟ์เมื่อก่อนเคยพูดไปว่า “อยากออกซิงเกิลเฉพาะ AKB48 ค่ะ” เพราะงั้นถ้าตัวเองที่พูดแบบนั้นดันไม่ติดเซ็มบัตสึ คงกลายเป็นคนไม่รักษาคำพูดแน่เลยค่ะ

คำว่า “เฉพาะ AKB48” เนี่ย ในช่วงหลายปีหลังมานี้ ทั้งเมมเบอร์ AKB48 ทั้งแฟนๆ เองก็กล่าวถึงกันอย่างหนักอยู่ ที่ว่าเคยพูดเนี่ย…

โอเมกุ : ของฉันน่าจะเป็นช่วงแรกๆ เลยค่ะ พูดตอนไลฟ์ AKB48 no Myounichi Yoroshiku ทาง SHOWROOM ในหมู่แฟนๆ ตอนนั้นก็มีการวิพากษ์วิจารณ์ทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยค่ะ

จริงด้วยสินะครับ กลับมาเรื่องตอนประกาศเซ็มบัตสึซะหน่อย คิดอะไรอยู่หลังจากเริ่มประกาศแล้ว?

โอเมกุ : คิดว่า “มาเหอะ!” ล่ะค่ะ (หัวเราะ) ตอนคอนเสิร์ตเดี่ยวในเดือนพฤษภาคม ได้ร้องเพลงอยู่ตรงกลางๆ ในฐานะเซ็มบัตสึเมมเบอร์อยู่ก็ไม่น้อย ทำให้มีแฟนๆ ที่คาดหวังให้ติดเซ็มบัตสึกันด้วยค่ะ ตัวฉันเองก็อยากจะติดให้ได้เหมือนกันค่ะ

สัดส่วนระหว่างความคาดหวังกับความกังวลมีประมาณเท่าไหร่เหรอครับ?

โอเมกุ : อย่างละครึ่งๆ เลยค่ะ ฉันเองก็เรียกว่าเป็นเมมเบอร์รุ่นใหม่ไม่ได้แล้ว เลยกังวลว่าอาจจะเป็นไปได้ยากก็ได้ค่ะ

และแล้วก็ถูกขานชื่อ ปฏิกิริยารอบข้างหลังจากถ่ายรายการจบล่ะ?

โอเมกุ : ตั้งแต่เมมเบอร์ทีม B ไปจนถึงรุ่นพี่หลายคน เข้ามาคุยกันเยอะแยะค่ะ โยโกยายามะ ยุยซังบอกว่า “ดีใจที่เมกุติดนะ” แล้วก็ยูกิรินซัง (คาชิวากิ ยูกิ) เองก็มาร่วมยินดีด้วยค่ะ แต่คนที่รีบเข้ามาหาคนแรกเลยก็คือ อันนินซัง (อิริยามะ อันนะ) เป็นรุ่นพี่ที่ฉันติดแจมาตลอดราวกับเป็นพี่สาวเลยค่ะ

หลังจากกลับบ้านแล้วเป็นอย่างไร?

โอเมกุ : รีบบอกทันทีแล้วที่บ้านก็ร่วมยินดีกันว่า “ยินดีด้วย! ทำได้แล้วเนอะ!” ปกติก็คุยเรื่องงานกับคุณแม่ทุกเรื่องอยู่แล้ว ทุกครั้งที่ประกาศเซ็มบัตสึก็จะมาเจ็บใจร่วมกันตลอดค่ะ

ที่ผ่านมาเคยอยากเลิกมั้ย?

โอเมกุ : ฉันมีความคิดแน่วแน่ว่า จะไม่เลิกจนกว่าจะติดเซ็มบัตสึค่ะ ไม่ได้แปลว่าเพราะได้รับเลือกแล้วจะจบการศึกษานะคะ แต่ไม่ว่ายังไงก็ไม่อยากจะยอมแพ้แล้วจบการศึกษาไปค่ะ

ครั้งนี้เป็นการผลักดันการเต้นแบบ Lock Dance พอได้ลองเต้นแล้วเป็นอย่างไรบ้าง?

โอเมกุ : เป็นการเต้นที่มีจุดตายตัวอยู่เยอะ อย่างเช่นต้องกางเท้า 90 องศา อย่างต้องขยับมือให้เป็นทิศทางแบบนี้ มีจุดที่ยากก็เลยต้องสั่งสมการฝึกซ้อมวันละ 3 ชั่วโมงเป็นระยะเวลาประมาณ 1 เดือนจนกว่าจะถึงวันที่แสดงครั้งแรก ถึงแรกเริ่มจะเต้นดูไม่แข็งขันก็ตาม แต่สุดท้ายก็เต้นได้ค่ะ

กระแสตอบรับการเต้นดีเลยเนอะ

โอเมกุ : ดีใจเลยล่ะค่ะ วันที่แสดงวันแรกทุกคนทุ่มเทกันสุดๆ และยังรู้สึกดีใจที่สิ่งที่ซ้อมมาตลอดจะให้เห็นออกสู่สายตาเสียที ความรู้สึกเหมือนเด็กชมรมเต้นที่เข้าสู่การแสดงจริงในงานโรงเรียนยังไงยังงั้นเลยค่ะ

ได้แสดงรายการเพลงในฐานะเซ็มบัตสึอย่างที่ฝันไว้สินะ

โอเมกุ : ดีใจสุดๆ เลยค่ะ! รู้สึกตั้งตารอกว่าตื่นเต้นซะอีกค่ะ เป็นเพลงสนุกๆ ก็เลยจะเล่นให้มันเท่ๆ ไปเลยค่ะ (หัวเราะ)


“อยากจะเป็นป้ายบอกทางให้กับรุ่นน้องที่ยังไม่มีโอกาส”

หลังจากได้เข้าสังกัดเมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว งานเดี่ยวก็เพิ่มขึ้นเลยสินะ

โอเมกุ : รู้สึกอยากเข้าสังกัดมาโดยตลอด ก็เลยปรึกษากับสตาฟจนได้มาเจอสังกัดนี้เนี่ยแหละค่ะ เพราะอยากจะพยายามในด้านงานแสดง ก็เลยสรุปออกมาว่า “งั้นที่นี่ดีมั้ย?” แหละค่ะ

ความฝันการเป็นนักแสดงหญิงเริ่มเป็นรูปเป็นร่างตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอครับ?

โอเมกุ : หลังจากเข้า AKB48 ค่ะ การถ่ายทำละคร Majisuka Gakuen 5 (ปี 2015) คือจุดเปลี่ยนค่ะ ตอนนั้นรู้สึกว่าสนุก มีคุณค่าที่ได้ทำ จากนั้นก็เริ่มดูภาพยนตร์และละครอย่างเอาจริงเอาจังค่ะ

อยากแสดงในผลงานแบบไหนเหรอ?

โอเมกุ : ภาพยนตร์ค่ะ! และถ้าหากยังเล่นบทนักเรียน ม.ปลายได้ไหว…..ก็อยากจะสวมเครื่องแบบนักเรียนค่ะ (หัวเราะ) ถ้าไม่โดนมองว่าไม่ไหวก็คงดี

ปีนี้ได้แสดงละครซีรีส์ Aoki Vampire no Nayami ด้วยสินะ

โอเมกุ : รู้สึกประหม่าตรงที่ออกห่าง AKB48 ไปทำงานเพียงลำพังค่ะ ที่ผ่านมาเวลาไปทำงานก็จะมีเมมเบอร์อยู่ด้วย เลยชวนคิดไปพลางว่า “เวลาจบการศึกษาแล้วก็คงเดียวดายแบบนี้แหละนะ” (หัวเราะ) แต่ในเวลาเดียวก็ทำให้เกิดความพร้อมในการทำงานคนเดียวได้แล้วค่ะ

ได้พูดคุยกับคนที่แสดงร่วมกันหรือเปล่า?

โอเมกุ : ได้คุยทีละนิดทีละหน่อยค่ะ ก่อนถ่ายละครก็จะมีการซ้อมบทกัน ทุกคนล้วนใจดี เป็นสภาพแวดล้อมที่ดีเลยค่ะ

เป็นคนประเภทที่ดูตอนออกอากาศมั้ย?

โอเมกุ : ดูค่ะ ก็ได้แต่คิดว่ายังใช้ไม่ได้ พออยู่รวมกันกับนักแสดงมืออาชีพแล้วรู้สึกว่าตัวฉันยังเป็นไอดอลอยู่เลย มีจุดที่รู้สึกว่ายังด้อยกว่าอยู่ค่ะ

แล้วคิดว่าจะทำอย่างไรให้เก่งขึ้น?

โอเมกุ : ขอทางต้นสังกัดไปว่าอยากจะลงเรียน Workshop แต่ช่วงนี้ไม่ค่อยจะมีจัดเลย ถึงยังไงก็อยากจะเข้าเรียนที่ที่สามารถเรียนรู้การแสดงได้อย่างเต็มที่ค่ะ

เมมเบอร์ที่ชัดเจนกับเส้นทางอนาคตหาได้ยากนะ

โอเมกุ : อาจจะเป็นแบบนั้นก็ได้ค่ะ เพราะได้ถ่ายละครในช่วงที่เพิ่งเข้าวงมาใหม่ๆ ก็คิดแบบนั้นได้ แต่ว่าพวกรุ่นน้องไม่มีโอกาสแบบนั้นน่ะสิคะ เพราะงั้นหวังว่าถ้าฉันได้กลายเป็นป้ายบอกทางให้กับรุ่นน้องได้ก็คงดีค่ะ อย่างตัวฉันเนี่ย เพราะมีแฟนๆ บอกว่า “คิดว่าเมกุเหมาะกับการเป็นนักแสดงนะ” แล้วพอคิดแบบนั้นก็เริ่มตั้งเป้าหมายมาที่เส้นทางนี้ค่ะ ต้องขอบคุณแฟนๆ สินะคะ

ตอนนี้ออกรายการวิทยุ Oretachi Gocha Maze 〜Atsumare Yan Yan〜 อยู่ด้วยสินะครับ

โอเมกุ : ลำบากลำบนในทุกครั้งเลยค่ะ ฉันไม่ได้เก่งที่จะคุยให้สนุกๆ ก็เลยคิดแล้วพูดออกมาให้จบได้สวยไม่ได้เลยค่ะ พอกะว่าจะตั้งใจหาเรื่องราวที่อยู่ในชีวิตประจำวันในทุกๆ วัน ก็ติดนิสัยเริ่มจดบันทึกว่า มีคนแบบนี้อยู่ด้วย มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นค่ะ

พอได้ออกรายการร่วมกับทาเลนท์มืออาชีพแล้วเป็นอย่างไรเหรอ?

โอเมกุ : ได้เรียนรู้ล้วนๆ เลยค่ะ เริ่มมีเทคนิคว่าพอถูกถามแบบนี้ก็ต้องตอบแบบนี้ เป็นสิ่งที่ถ้าแค่ประสบการณ์ใน MC ตอนแสดงที่เธียเตอร์ในยามปกติก็คงไม่มีติดตัวแน่ เลยพยายามที่จะจดจำไว้ค่ะ

หลังจากนี้ มีงานเดี่ยวที่อยากลองทำมั้ย?

โอเมกุ : นางแบบค่ะ รู้ดีว่ามันยากสุดๆ แต่พูดไปก็ไม่เสียหายอะไรนี่นะ (หัวเราะ) อยากลองทำดูค่ะ


“คะแนนมาตรฐานหน้าตาอยู่ที่ 48? ต้องมากกว่านี้สิ!”

ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม รายการประจำ Nogizaka ni Kosaremashita 〜AKB48, Iroiro Atte Tere-Tou Kara no Daigyakushuu!〜 เริ่มออกอากาศ ความรู้สึกตอนประกาศว่าจะมีรายการนี้เป็นอย่างไรเหรอ?

โอเมกุ : ก็สงสัยว่าจากไตเติลจะออกมาเป็นรายการแบบไหน มีแต่ “?” เต็มหัวไปหมดค่ะ แต่ก็ดีใจที่จะมีรายการของ AKB48 ในช่องหลักค่ะ

คิดยังไงกับไตเติลเหรอครับ?

โอเมกุ : คิดว่าเพราะรายการ AKBINGO! จบไป เมมเบอร์ทุกคนเรียกร้องหารายการในช่องหลักกันค่ะ เพราะงั้นเลยเป็นความรู้สึกว่าอยากจะตั้งอกตั้งใจเพราะจะมีรายการช่องหลักกันซะมากกว่าที่มาสนใจเรื่องชื่อรายการค่ะ

ตอนออกอากาศครั้งแรก ฝั่งผู้จัดรายการก็บอกว่ารู้สึกแปลกๆ ที่เมมเบอร์ต่างพากันยินดี อย่างผมเองก็คิดว่าจะมีคนโกรธบ้างก็คงไม่แปลกละครับ

โอเมกุ : การมีศักดิ์ศรีถือว่าเป็นเรื่องดีค่ะ เพียงแต่พวกรุ่นพี่ได้สร้างยุค Heavy Rotation, Koisuru Fortune Cookie กันมา เมมเบอร์ในตอนนี้ก็อยากจะสร้างยุคใหม่ให้ได้อย่างรุ่นพี่เหมือนกันค่ะ มีคิดอยู่เหมือนกันว่าไม่เห็นต้องไปเปรียบเทียบกับ Nogizaka46 ก็ได้นี่นา แต่เพื่อสร้างยุคสมัยก็คิดว่าไม่มีอะไรดีไปกว่าการได้มีรายการค่ะ

คิดว่าวง Nogizaka46 เป็นวงแบบไหนเหรอครับ?

โอเมกุ : บุคลิกต่างกับ AKB48 อย่างสิ้นเชิงสินะคะ การที่มีคอนเซปต์แตกต่างกันนั้นก็เป็นด้านดีของ Nogizaka46 แต่ถ้าถูกมองว่าถึงทั้งสองวงจะมีบุคลิกที่แตกต่างกันไป แต่ไม่ว่าวงไหนผู้คนก็คิดว่าดีเยี่ยมเหมือนกันจะดีที่สุดแหละค่ะ

ได้ออกรายการวิทยุกับ โฮริ มิโอนะ (จบการศึกษา Nogizaka46 ไปแล้วในปีนี้) ด้วยนี่ครับ

โอเมกุ : ใช่ค่ะ สมัยก่อนเคยอยู่ด้วยกันตอนรายการ R no Housoku ด้วยค่ะ ตอนนั้นมี วาดะ มายะจัง, วาตานาเบะ มิเรียจัง อยู่ด้วย ไปกินข้าวด้วยกันที่โรงอาหารของ NHK ด้วยค่ะ แล้วในครั้งนี้ไม่ได้เจอกัน (กับโฮริ) นานมาก ต่างฝ่ายต่างก็ดีใจค่ะ

กลับมาเรื่องรายการ มีกิจกรรมอะไรที่อยากทำมั้ยครับ?

โอเมกุ : มีค่ะ เพราะ AKB48 มีจุดแข็งอยู่ตรงที่มีเธียเตอร์เฉพาะ แล้วก็มีทำสารคดีด้วย เพราะงั้นคิดว่า ดูน่าสนุกดีถ้าฉายบรรยากาศกว่าจะมาเป็นการแสดงที่เธียเตอร์หรือไม่ก็คอนเสิร์ตค่ะ อย่างตอนคอนเสิร์ตเดี่ยวเมื่อเดือนพฤษภาคม เมมเบอร์ทุกคนตั้งอกตั้งใจซ้อมกันทุกคน ถ้าได้เห็นบรรยากาศดังกล่าว คิดว่าจะทำให้รู้สึกอยากสนับสนุนกันมากขึ้นยิ่งกว่าเดิมค่ะ

มีอะไรที่อยากบอกฮิโรยูกิซังที่เป็น MC มั้ยครับ?

โอเมกุ : ถึงจะได้รับคำแนะนำแบบตรงจุดมาตลอด แต่อยากจะบอกว่า “AKB48 ในตอนนี้น่ารักนะคะ!”

บอกว่า “ค่ามาตรฐานหน้าตาอยู่ที่ 48” นี่นะครับ

โอเมกุ : ต้องสูงกว่านั้นค่ะ! รับไม่ได้ค่ะที่ไหงมีภาพลักษณ์แบบนั้นมาได้ อยากให้ตั้งใจดูทีละคนๆ ค่ะ!

ถ้าได้อ่านบทสัมภาษณ์นี้ก็ดีสินะครับ (หัวเราะ) แล้วก็มี โอคาดะ นานะซัง ที่พูดออกมาว่า “ไม่รู้ข้อดีของ AKB48 ในตอนนี้” ในการออกอากาศครั้งแรก เข้าใจสิ่งที่จะสื่อมั้ยครับ?

โอเมกุ : เข้าใจค่ะ พวกเราอยู่ในสถานะที่ออกรายการเพลงได้ก็เพราะเพลงของพวกรุ่นพี่ ตราบใดที่เมมเบอร์ในตอนนี้ไม่ออกเพลงฮิตออกมา ก็คงจะถูกกล่าวว่า “ไม่รู้จักเมมเบอร์ในตอนนี้” ต่อไปแหละค่ะ เพราะงั้นแหละ ถ้าหากเพลง Ne mo Ha mo Rumor ติดลมบนได้ก็จะเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ได้ และอยากจะให้แพร่หลายกว่านี้ด้วยค่ะ แล้วก็แต่งเติมสีสันของวงก็สำคัญค่ะ เพื่อการนั้นแล้วก็อยากจะลงคลิปเต้นให้เยอะๆ ทำให้คึกคักกันค่ะ!

ที่มา : Top Yell NEO 2021 AUTUMN (วางจำหน่ายวันที่ 30/09/2021)