ที่มาภาพ จาก @AKB48_staff

วันที่ 28 มิถุนายนที่ผ่านมา มีงาน AKB48 Group Asia Festival 2021 ONLINE After Party ให้เข้าร่วมทางออนไลน์ เนื้อหากิจกรรมคือ สามารถพูดคุยกับเมมเบอร์ระหว่างรับชมคอนเสิร์ต AKB48 Group Asia Festival 2021 ONLINE ที่จัดขึ้นในวันก่อนหน้า (27 มิถุนายน) ซึ่งจำกัดจำนวนแค่ 10 คนต่อห้อง โดย AKB48 มีทั้งหมด 4 ห้อง ส่วนวงน้องต่างประเทศจะมีวงละห้อง

สำหรับทางนี้จะมาเล่าบรรยากาศในห้อง AKB48 (Room 1) รวมถึงความลำบากในการซื้อบัตรครั้งนี้จากมุมแฟนคลับนอกประเทศบ้างค่ะ เมมเบอร์ AKB48 ที่เข้าร่วมงานครั้งนี้ได้แก่ โอโมริ มาโฮะ, คุโบะ ซาโตเนะ, เกียวเต็น ยูรินะ, ทานิกุจิ เมกุ, จิบะ เอรี่, นิชิคาวะ เรย์, มุโต้ โทมุ, ยามาอุจิ มิซึกิ

ซึ่งทั้ง 4 ห้องจะมีเมมเบอร์ 8 คนนี้เข้าร่วมเหมือนกันทุกห้อง แค่เรียงลำดับไม่เหมือนกัน โดยเมมเบอร์แต่ละคนมีสล็อตเวลาคนละ 25 นาที และเรามีเวลาพัก 5 นาทีคั่นระหว่างรอเมมเบอร์คนใหม่เข้าห้องมา เท่ากับว่าต้องอยู่หน้าจอราวๆ 4 ชั่วโมงเลยทีเดียว


ความลำบากในการซื้อบัตร

ราคาบัตร 9,900 เยน บวกค่าธรรมเนียม 220 เยน รวมเป็น 10,120 เยน แพงใช้ได้ แต่เมื่อเทียบกับราคาบัตรจับมือ การได้คุยกับเมมเบอร์ 8 คนคนละเกือบครึ่งชั่วโมงแบบนี้ ถือว่าคุ้มค่ามาก แถมเรายัง   DD  ชอบเมมเบอร์หลายคนในนี้ระดับที่เคยไปงานจับมือเดี่ยวด้วย

แต่เพราะขายบัตรผ่านเว็บ Ticket Pia ที่ขึ้นชื่อว่ากีดกันแฟนต่างประเทศ เราก็ไม่รู้ว่าจะหาเบอร์โทรศัพท์ของประเทศญี่ปุ่นมาสมัครเพื่อยืนยันตัวยังไง เพราะรอบตัวก็คงมีบัญชีของตัวเองหมดแล้ว เลยปล่อยผ่านไปจนปิดลงสุ่มในรอบแรก

จนวันเสาร์ที่ 26 มิถุนายนคลิกเว็บไปดูเล่นๆ พบว่าเพิ่งเปิดขายบัตรรอบทั่วไปวันแรก…แถมไม่ต้องสุ่ม!? แต่ที่น่าตกใจคือ เต็มแค่ Room 4 ที่เหลือยังซื้อบัตรได้อยู่ เราก็ทวีตบ่นลอยๆ เรื่องไม่มีเบอร์ญี่ปุ่น แล้วเพื่อนชาวญี่ปุ่นก็ทักมาให้ยืมเบอร์เหลือที่ไม่ได้ใช้ค่ะ

ความปวดหัวมันอยู่ตรงนี้ พอสมัคร Ticket Pia เสร็จก็ต้องคลิกลิงก์ที่ถูกส่งมาทางอีเมล ซึ่งลิงก์ที่ว่าจะปรากฏเบอร์โทรศัพท์ที่ให้โทรยืนยันตนภายใน 2 นาที แถมหลังล็อกอินครั้งแรกก็ต้องโทรยืนยันตัวอีกรอบด้วย (ทำไมมันยุ่งยากอย่างงี้)

ห้องอื่นๆ ขายหมดระหว่างที่เราตบตีกับการสมัคร เลยเลือก Room 1 ที่เหลือเป็นห้องสุดท้าย ซึ่งขั้นตอนซื้อบัตรจนถึงขั้นตอนนำ Serial Code ไปกรอกในเว็บ Z-aN นั้นง่ายดายเสร็จภายในไม่เกิน 5 นาที คนละเรื่องกับตอนสมัครเลย

ที่เหลือก็รอเข้าร่วมวันจริง แม้จะยังมีกังวลอยู่ไม่น้อยว่าเค้าจะไม่กีดกันต่างชาติใช่มั้ย…


เข้าห้องกิจกรรม

กิจกรรมจัด 14:30-18:30 น. ตามเวลาประเทศไทย สามารถเข้าห้องได้ตั้งแต่ 14:00 น. เราก็รีบเข้าแต่เนิ่นๆ เพราะกลัวมีปัญหา แต่เข้าไปปุ๊บก็ถึงหน้าจอแสตนด์บาย แบบไม่ต้องทำอะไรเลย ซึ่งก็ลากลับบ้านเพื่อมาเข้าร่วมกิจกรรมนี้โดยเฉพาะค่ะ 555

ในห้องจะแบ่งเป็นจอวิดีโอและจอแชท ฝั่งวิดีโอมีหน้าจองานเอเชียเฟสอยู่ตรงกลางใหญ่กว่าจออื่น แล้วจอกล้องของแฟนคลับกันเอง 10 คนรวมถึงเมมเบอร์ AKB48 ที่รายล้อมรอบๆ เป็นจอเล็ก ส่วนฝั่งขวาที่เป็นจอแชทก็พิมพ์ข้อความได้ โดยเราสามารถเปลี่ยนรูปโปรไฟล์และชื่อที่แสดงผลในห้องได้ ก่อนเริ่มเราเลยออกจากห้องไปเปลี่ยนรอบนึงแล้วเข้ามาใหม่ค่ะ ตั้งไว้ว่า Jan (ジャン) เพราะชื่อซ้ำเลยเติมคำอ่านไปให้ไม่ซ้ำ

ก่อนเริ่มทีมงานจะมาอธิบายกฎระเบียบต่างๆ ซึ่งไม่มีอะไรต่างจากที่เขียนหน้าเว็บ มีคนนึงถามว่าถ้าไม่อยู่หน้าจอชั่วคราวต้องทำยังไง ทีมงานก็บอกว่าให้พิมพ์ในแชทว่าจะไปห้องน้ำอะไรงี้ แล้วค่อยปิดกล้องก็ได้

ในห้องมีผู้หญิง 3 คน (รวมเรา) ค่ะ หนึ่งในนั้นมีโอชิเมกุที่คุ้นชื่อตาม SHOWROOM ด้วย (แต่เพิ่งเคยเห็นหน้า) แล้วก็มีผู้ชายคนนึงเขียนว่า “ไต้หวัน” ลงในชื่อ ทำให้ทราบว่าเป็นคนไต้หวัน ก็เลยอุ่นใจเบาๆ ว่าไม่ได้เป็นชาวต่างชาติคนเดียวในห้อง


After Party

คุโบะ ซาโตเนะ

ที่มาภาพ จาก okmusic.jp

เริ่มที่ซาโตเนะ! ซาโตเนะเข้ามาในห้องตอนเริ่ม Opening คอนเสิร์ตไปได้นิดนึง ซาโตเนะทักทาย “คนนิจิวะ (สวัสดีค่ะ)” แล้วถามว่า “มีคนต่างชาติอยู่ด้วยสินะคะ … แจนซัง!” เราก็สะดุ้งหลังสิ้นสุดประโยค เพราะไม่คิดว่าจะโดนเรียกชื่อแต่เริ่มแบบนี้ ซาโตเนะถามว่ามาจากประเทศไหนก็ตอบไปว่าจากไทย หลังจากนั้นซาโตเนะก็หันไปทักคนไต้หวันในห้องต่อ

ก็ไม่รู้ว่าดูออกว่าเป็นคนต่างชาติเพราะดูไม่เหมือนคนญี่ปุ่นหรือเพราะอะไร…

ซาโตเนะถามว่าโอชิเมมของแต่ละคนคือใคร ยกเว้นคนที่ซาโตเนะจำได้ว่าเป็นแฟนคลับตัวเอง ช่วงที่ดูคอนเสิร์ตกับซาโตเนะเป็นช่วงที่ AKB48 Team TP แสดง ซาโตเนะก็บอกว่าทุกคนน่ารัก พยายามชี้ให้ดูว่าคนไหนโอชิเมมแต่เราดูไม่ทันว่าคนไหน (ฮา) คนไต้หวันในห้องเล่าว่า มีคลิปจากงานกีฬาสีของ AKB48 Team TP ใส่ไปด้วย แต่เสียดายที่ไมค์เบามากเลยได้ยินไม่ค่อยถนัดนัก

ซาโตเนะถามว่าทุกคนดูคอนเสิร์ตครั้งนี้จบแล้วได้โอชิเมมกันเพิ่มไหม มีคนนึงในห้องตอบว่า ก็รู้สึกน่ารักแต่ไม่ขนาดเรียกว่าโอชิเมม ซึ่งคนอื่นก็ตอบแนวเดียวกัน ช่วงแรกห้องเราคนจะไม่ค่อยกล้าพูดกันเท่าไหร่นัก ซาโตเนะจะเป็นคนชวนคุยซะมากกว่า

แล้วก็ถามอีกว่ามีใครได้ดูคอนเสิร์ตนี้เป็นครั้งแรกรึเปล่า แต่ไม่มีใครยกมือเพราะดูเมื่อวานกันมาหมดแล้ว คนญี่ปุ่นที่เหลือไปดูในงานกันหมดเลย นอกจากเรากับคนไต้หวันที่ดูทางออนไลน์

ซาโตเนะออกจากห้องประมาณ 14:55 น. ใช้เวลา 25 นาทีในการเปิดกล้องคุยกัน (แม้ไม่ได้พูดตลอดก็ตาม) เมื่อเมมเบอร์ออกจากห้อง ทุกคนก็ปิดกล้องและไมค์ทันที เราก็พักดื่มน้ำไม่ก็เข้าห้องน้ำ ส่วนที่ทีมงานบอกไว้ตอนแรกว่าถ้าจะไม่อยู่ให้พิมพ์บอกก็ไม่มีใครทำ บางคนก็เข้าๆ ออกๆ บ่อย (น่าจะเพราะสัญญาณไม่ดี) สรุปว่าก็เปิด/ปิดได้ตามใจชอบนี่นา


จิบะ เอรี่

ที่มาภาพ จาก @erii_20031027

เอรี่จะออกแนวตั้งใจดูคอนเสิร์ตแต่พูดไม่เยอะ ทำให้ช่วงนี้คนพูดน้อยกว่าที่ผ่านมา ทางนี้มีแอคซิเดนท์เล็กน้อยตรงที่ที่บ้านไฟตกไปช่วงนึง แต่โชคดีที่ไม่ได้ดับยาว ไม่งั้นหมดสนุกแน่

ตอน MNL48 แสดงมีปัญหาเสียงไม่ออก ก็ดูกันแบบไม่ได้ยินเสียงคอนเสิร์ต น่าเสียดายเหมือนกันเพราะว่าพาร์ท MNL48 เป็นพาร์ทที่แสดงความสามารถด้านการร้องเพลง แถมเอรี่เล่าว่าเป็นจังหวะที่อดดูในงานด้วย ซึ่งสัญญาณเสียงกลับมาเป็นปกติตอนช่วง AKB48 เล่น

เพราะคอนเสิร์ตครั้งนี้เล่นเพลง Himawari ด้วย เอรี่เลยพูดถึงสเตจ ‘Boku no Taiyou’ บอกว่าอยากเล่นสเตจนี้อีก เอรี่เล่าว่าเคยเล่นยูนิตนี้ เราก็เสริมไปว่าตอนนี้ STU48 เคงคิวเซรุ่น 2 เล่นสเตจนี้อยู่ ทุกคนในห้องก็ตกใจเล็กน้อย (ไม่มีใครตาม STU48 กันเลยสินะ)


โอโมริ มาโฮะ (มาโฮะเปี้ยน)

ที่มาภาพ จาก @akb48_maho

มาโฮะเปี้ยนจะชวนคุยนอกประเด็น ตอนเข้าห้องมานอกจากถามโอชิเมมของแต่ละคนแล้ว ยังถามอีกว่าใครเคยมางานจับมือหรืองานพูดคุยออนไลน์ของตัวเองบ้าง ทางนี้ก็บอกว่า “เคยไปตอนที่อยู่เลนเดียวกับเคียวน์จัง (ทาดะ เคียวกะ)​ ในงานจับมือทั่วประเทศ”

มาโฮะเปี้ยนบอกกับทุกคนว่า “ไหนๆ แล้วมาคุยกันดีกว่าค่ะ จะทำให้ทุกคนมางานพูดคุยครั้งหน้าให้ได้เลย” โห นี่มันตั้งใจจะมาตกกันชัดๆ ซึ่งตอนท้ายมาโฮะเปี้ยนถามทำนองว่าเจอกันครั้งหน้าในงานคุยออนไลน์จนเผลอตอบ “ไฮ่” ตกลงไปเฉยเลย นอกจากนี้ ระหว่างมาโฮะเปี้ยนทักว่าคนในห้องนี้เงียบจัง แล้วก็พยายามชวนคุยตลอดแบบเรียกทีละคน ดูใส่ใจและน่ารักดี

แล้วก็จำไม่ได้ว่าตอนคุยประเด็นไหน มีจังหวะให้พูดเลยบอกไปว่าดูจากไทยอยู่นะ มาโฮะเปี้ยนเลยทักว่า “เพราะอย่างนี้ข้างนอกถึงยังสว่างสินะคะ” (ข้างหลังเป็นหน้าต่างพอดี)

ห้องนี้มีโอชิเมกุกับซาโตเนะหลายคนเลย มาโฮะเปี้ยนพูดให้ฟังว่าในทีม B จะมีคนติดอนิเมะหลายคน อย่างก่อนเริ่มคอนเสิร์ตเอเชียเฟสได้คุยกับเมกุซังและซาโตเนะเกี่ยวกับอนิเมะด้วย


นิชิคาวะ เรย์

ที่มาภาพ จาก @rei_1025_48

ตามธรรมเนียม เข้าห้องมาปุ๊บก็ถามว่าโอชิใคร เรย์จังก็เล่าให้ฟังว่า “ห้องเมื่อกี้โอชิซาโตเนะเยอะมาก” แล้วเรย์จังเห็นว่ามีโอชิเมกุ 2 คนเลยถามเรากับอีกคนว่ารู้จักกันมาก่อนรึเปล่า ก็บอกไปว่าเคยเห็นชื่อกันทาง SHOWROOM แต่เพิ่งเคยเห็นหน้ากันครั้งแรก

เรย์จังมาไม่ทันตอนเล่นเพลง Kioku no Dilemma แต่พูดถึงว่า “ขาเมกุซังสวยมาก คนทำคอสตูมเข้าใจดีที่ทำให้เป็นกางเกงขาสั้น” โอชิเมกุ (ผู้หญิง) อีกคนก็บอกว่าอยากให้ทำชุดโชว์ขาเยอะๆ เรย์จังก็เห็นด้วยแล้วบอกกับโอชิเมกุคนนั้นว่าเหมือนตัวเอง ต้องคุยกันถูกคอแน่ๆ (ฮา) จากนั้นเรย์จังก็พูดเรื่องขาของเมมเบอร์หลายคนนานหลายนาที จนแฟนคลับผู้ชายคนนึงทักว่า พอเป็นหัวข้อนี้แล้วผู้ชายไม่กล้าพูด เรย์จังเลยเปลี่ยนหัวข้อ

ตอน CGM48 แสดงเพลง มะลิ ก็คุยกันว่าเป็นเพลงออริจินัลของวง แล้วเรย์จังก็บอกว่า “อยากให้แปลเนื้อเพลงเป็นภาษาญี่ปุ่นจัง อยากรู้ว่าร้องอะไร” จะว่าไปก็จริง เพราะอย่างเพลง CGM48 ที่เป็นเพลงแนะนำของดีเชียงใหม่ แต่กลับไม่ได้ถ่ายทอดสิ่งเหล่านั้นให้คนต่างชาติรู้ได้เลย

ช่วงท้ายก่อนเรย์จังจะไป เอรี่กับซาโตเนะโผล่เข้ามาทักทายในกล้องด้วย น่าจะเป็นช่วงที่ทั้งคู่เข้าเบรคพอดี เลยได้โบกมือบ๊ายบายกับเมมเบอร์ทั้ง 3 ซึ่งทุกครั้งที่หมดเวลาก็จะบอกขอบคุณและโบกมือบ๊ายบายให้กับเมมเบอร์ทุกคนค่ะ


ทานิกุจิ เมกุ (โอเมกุ)

ที่มาภาพ จาก @o_megu1112

ตอนเข้ามาเมกุพูดว่า “โอชิเมมคือใครเหรอคะ~? แล้วก็เจอโอชิเมกุด้วยค่ะ” ไล่ถามทีละคนพอถึงเรากับอีกคนก็บอกว่า “แจนจัง โอชิเมกุเนอะ แล้วก็ (ชื่ออีกคน) จังก็โอชิเมกุเนอะ” แบบยิ้มแย้ม (ฮา)

มีแฟนคลับคนนึงจะพูดถึงเมกุตอนเพลง HA! แล้วเมกุเข้าใจผิด นึกว่าหมายถึง “ฟัน (Ha)” เลยคิดว่าหมายถึงเรื่องที่ตัวเองจัดฟัน ทุกคนเลยต้องรีบเบรคว่า “HA! ที่เป็นเพลง” แล้วก็ฮากันลั่นห้อง ทางนี้ก็พยายามกลั้นขำไม่ให้หลุดขำนานเกินไป ส่วนเพลง HA! ที่ว่าเนี่ย มีช่วงที่เมกุได้โคลสอัพชัดๆ ด้วย ถ้าใครดูเอเชียเฟสน่าจะนึกออก

ตอน AKB48 Team SH เล่นเพลง Kurayami (ของ STU48) เมกุพูดว่า “นาจังสอนท่าเต้นตรงท่อนฮุคมานิดหน่อยล่ะ” พอถึงท่อนฮุคก็ขยับท่าตามระหว่างดู สักพักหยุดเต้นแล้วบอกว่า “ได้แค่นี้~!”

เมกุชวนคุยเรื่องคอนเสิร์ตเดี่ยว AKB48 วันที่ 23 พฤษภาคมที่ผ่านมา เพราะว่าหลังจบคอนเสิร์ตไม่มีโอกาสได้คุยกับแฟนๆ เรื่องนี้เลย แล้วถามว่าชอบตรงไหนเป็นพิเศษรึเปล่า มีแฟนคลับคนนึงชมเรื่องยูนิต 1994-Nen no Raimei เมกุก็บอกว่าดีใจที่ได้เล่นยูนิตนั้น ขอบคุณยูกิรินซัง (คาชิวากิ ยูกิ) ที่ให้เล่นยูนิตนี้ แล้วก็บอกว่าตอนท่อนเริ่มที่เวทีเลื่อนขึ้นสนุกดี

เมกุพูดถึงงานเอเชียเฟสว่า ถึงแม้ครั้งนี้จะขึ้นแสดงแทนยูกิรินซังและโยโกะยุยจัง (โยโกยามะ ยุย) ก็ตาม แต่เท่ากับว่าตัวเองได้เข้าร่วมงานนี้ทุกครั้ง รู้สึกขอบคุณกับโอกาสที่ได้รับ

ตอนท้ายเมกุพูดขึ้นมาว่า “สุดท้ายให้ทุกคนมาพูดทีละคนดีกว่าค่ะ เอาล่ะเริ่มจากแจนจัง” ก็เลยถึงกับสะดุ้งจนอ้ำอึ้ง (ไม่) เล็กน้อย เลยโดนเมกุแซวว่า “ไม่มีเรอะ!!” ก็เลยตอบไปเป็นพิธีว่า “มีทุกคนอยู่ด้วย เขินๆ ไม่รู้จะพูดอะไรดี  แต่อีเวนท์แบบนี้มีครั้งแรกแล้วก็แปลกใหม่ดี”

เมมเบอร์คนอื่นไม่ได้มาให้พูดอะไรก็ได้ทีละคนแบบนี้ แถมนี่โดนคนแรกอีก ทำไมไม่อ่อนโยนกับชาวต่างชาติเลย ขอเป็นคนหลังๆ ก็ไม่ได้ ฮือ…

แล้วมีโอชิซุกกี้คนหนึ่งบอกว่า “อยากให้ติดเซ็มบัตสึของซิงเกิล คาดหวังอยู่นะ” เมกุก็บอกว่า “จะพยายามค่ะ!”


มุโต้ โทมุ

ที่มาภาพ จาก @tommuto1125

โทมุก็เป็นอีกคนหนึ่งที่คุยนอกประเด็น ตอนแรกก็พูดถึงเอเชียเฟสนิดหน่อย แล้วก็ถามว่า “มีใครดูสเตจรุ่น 12 กันบ้างคะ?” วันนั้นเราดูเรียลไทม์พอดีก็เลยตอบไปว่าดู นอกจากเราก็มีคนดูอีก 2-3 คน

โทมุพูดว่า “รายการ Nogizaka ni Kosaremashita จะฉายวันที่ 6 กรกฎาคมแล้วนี่นะ อีกไม่กี่วันเอง” แต่บอกว่าพูดถึงเนื้อหาไม่ได้ เดี๋ยวจะโดนโกรธเอา

แล้วก็เปิดประเด็นถามทุกคนในห้องว่า “ทุกคนมีพี่น้องมั้ยคะ?” จากนั้นก็เล่าว่าน้องชายเคยเขียนจดหมายมาในสเตจวันเกิด โดนแฉซะเยอะเลย จากนั้นก็เล่าเรื่องทะเลาะกับน้องเรื่องธาตุโปเกมอน (อ่านจดหมายที่ว่าได้ที่นี่) แล้วหาพวกว่าคนอื่นเคยทะเลาะกันเรื่องโปเกมอนมั้ย ซึ่งในห้องก็มีอยู่บ้าง (นี่มันออกทะเลของแท้)

ระบบแชทที่ไม่มีใครเล่นอะไร ก็มีโทมุพิมพ์มาเล่นๆ ซึ่งโทมุถามว่า “มีใครสังเกตเห็นมั้ยคะ?” มีคนนึงในห้องสังเกตเห็นก่อนที่ข้อความจะหายไป คราวนี้โทมุเลยลองพิมพ์มาอีกรอบว่า “มุโต้ โทมุค่ะ” คราวนี้ทุกคนเลยเห็นทันกันหมด

โทมุอยู่ช่วงประกาศผล TikTok พอดี แล้วตอน เฌอปราง พูดสปีชเป็นภาษาอังกฤษหลังประกาศผลว่า BNK48 ได้ที่ 1 โทมุก็พูดขึ้นมาว่า “เฌอปรางพูดภาษาอังกฤษเก่งมาก สุดยอดมากเลย ฉันเนี่ยพูดภาษาอื่นนอกจากภาษาญี่ปุ่นไม่ได้เลย แล้วก็แฟนๆ ต่างชาติที่พูดภาษาญี่ปุ่นได้ก็คิดเหมือนกันว่าสุดยอดเหมือนกัน”


เกียวเต็น ยูรินะ

ที่มาภาพ จาก @tenten_yurina

เกียวเต็นเข้ามาตอนกลางเพลง Sukida Sukida Sukida ของ BNK48 พอดี เราเลยรีบทักว่า “เพลง Suki da Suki da Suki da พอดี!” เกียวเต็นก็ดูดีใจเล็กน้อย แล้วก็ถามคำถามว่าโอชิใคร เราตอบไปว่าโอชิเมกุ และบอกว่า “เคยไปงานไฮทัชที่พัทยาของไทย” เกียวเต็นก็พูดว่า “ก็ว่าเหมือนเคยเห็น นึกว่าจะผิดคนซะอีก” (เห จำได้จริงๆ เหรอ 555)

เกียวเต็นมาแนวตั้งใจดูคอนเสิร์ตและพูดไม่เยอะ แต่ตอนเพลงโดดดิด่ง เกียวเต็นพูดขึ้นมาว่า “(เพลงนี้) ติดหูจัง ฟังครั้งแรกแล้วติดหูเลย” แฟนคลับคนอื่นก็เห็นด้วย

มีโอชิซุกกี้คนนึงเปิดประเด็นขึ้นมาว่า “แจนซังครับ เนื้อเพลงตรงนี้มีความหมายว่าอะไร” เราก็มองเนื้อเพลงแล้วถามว่า “ตรง ชาดีด่า ดีดา ดีด่า ดี เหรอคะ?” เค้าก็บอกว่าใช่ เลยบอกว่าท่อนนี้ไม่ได้มีความหมายเป็นพิเศษ​อารมณ์เหมือนญี่ปุ่นที่มีท่อนร้อง La La La อะไรแบบนี้ (มั่วไปเรื่อย) แล้วก็เล่าว่าเพลงนี้ไม่ได้ร้องภาษากลางนะ แต่ร้องเป็นภาษาถิ่น ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย เขาก็ถามต่อว่า ส่วน CGM48 เป็นภาคเหนือสินะ

คงเพราะเป็นช่วงท้ายๆ แล้ว เริ่มกล้าคุยกันเองมากขึ้นสินะ (แต่เราไม่กล้า)


ยามาอุจิ มิซึกิ (ซุกกี้)

ที่มาภาพ จาก @MizukiYamauchi

ปิดท้ายด้วยซุกกี้ ตอนถามว่าโอชิใคร ซุกกี้บอกว่า “เหมือนเคยเห็น” แต่พอบอกว่าโอชิเมกุ ซุกกี้กลับทำปฏิกิริยางงๆ ก็เลยเสริมไปว่า “โอชินามินด้วย” (เพราะที่ผ่านมาไปเจอซุกกี้ไปในฐานะแฟนรุ่น 16…) ซุกกี้เลยถามต่อว่า “ถ้างั้นเคยเห็นตอนสเตจทีม 4 รึเปล่านะ?” เลยบอกว่าไปว่า “เคยไปงานจับมือที่ไทยกับงานจับมือทั่วประเทศ”

เข้าสู่ช่วงท้ายของ AKB48 พอดีก็คุยเกี่ยวกับคอนเสิร์ตกันเต็มที่ ซุกกี้ถามความรู้สึกประทับใจเกี่ยวกับพาร์ท AKB48 เราก็เลยตอบไปว่า “ชอบ HA! แล้วก็ชอบเพลง LALALA Message เมื่อกี้ด้วย รู้สึกว่าเนื้อเพลงเหมาะกับเอเชียเฟสดี” ซุกกี้ก็ตอบกลับมาว่า “คิดเหมือนกันเลย!” ไม่รู้จะเล่ายังไง แต่ตอนพูดดูสดใสน่ารักมาก

จบคอนเสิร์ตแล้วแต่ยังเหลือสล็อตเวลาให้คุยกับซุกกี้ 10 นาทีก็เลยคุยกันเรื่อยเปื่อย ซุกกี้ถามทุกคนว่างานตั้ง 4 ชั่วโมง ทุกคนยังไม่ได้กินข้าวใช่มั้ย (ตอนนั้นที่ญี่ปุ่น 2 ทุ่มกว่าแล้ว) ทุกคนรวมถึงเราก็บอกว่าจะกินหลังจบงาน

เราก็บอกว่าตอนนี้ที่ไทยเพิ่ง 6 โมงเย็นเอง ซุกกี้เลยถามกลับว่า “งั้นก็กำลังดีเลยสินะคะ” แล้วถามต่อว่าจะกินอะไร เราก็บอกไปว่าให้ที่บ้านสั่งให้ เลยยังไม่รู้เหมือนกันว่าอะไร ซุกกี้เลยบอกว่า “งั้นหลังจากนี้ก็ลุ้นว่าเป็นอะไรสินะคะ” คำตอบน่ารักดีแท้

นอกจากนี้ ซุกกี้ถามทุกคนในห้องว่า เคยดูสเตจ ‘IxR’ กันรึเปล่า แต่นอกจากโอชิซุกกี้ก็แทบไม่มีใครเคยดูกัน ซึ่งเมมเบอร์คนอื่นในยูนิต IxR อาทิ เรย์จัง ก็ยิงคำถามนี้เหมือนกัน แล้วซุกกี้ก็เข้าสู่ช่วงขายของว่า “ทุกคนชอบดื่มชานมไข่มุกกันมั้ยคะ” แล้วก็ชวนซื้อชานมไข่มุก IxR x Tapioca Drink  (ฮา)

พอหมดเวลาซุกกี้ก็ปิดกล้องก่อน แต่ยังไม่ไปไหนก็เลยส่งเสียงมาว่า “ยังอยู่นะค้า~” ด้วยน้ำเสียงสดใสมาก (น่ารักจัง)


คุยกับทีมงาน

ก่อนไป ซุกกี้บอกไว้ว่าจะมีทีมงานมาถามความเห็น ซึ่งทีมงานถามถึงความรู้สึกเกี่ยวกับงานครั้งนี้ รวมถึงจุดที่อยากให้ปรับปรุง ซึ่งทุกคนก็พอใจกับเนื้อหาครั้งนี้มาก เลยขอบคุณทีมงานสำหรับการจัดงานสนุกๆ ครั้งนี้

สำหรับเราจะติดก็แค่เรื่องการซื้อจากต่างประเทศยากมาก แต่มันพูดยากและไม่อยากทำลายบรรยากาศเท่าไหร่ เลยไม่ได้พูดออกไป


ทิ้งท้าย

สรุปว่าเป็น 4 ชั่วโมงที่สนุกมาก แต่ก็ทรมานร่างเช่นกัน เพราะเปิดกล้องต่อหน้าคนไม่รู้จักนานๆ แถมยิ่งพอไม่ใช่การคุยแบบ 1:1 ซึ่งเราไม่ใช่คนญี่ปุ่น เลยมีความกังวลเรื่องภาษาเพิ่มเข้ามา กลัวจะไปเบียดเวลาคนอื่นเวลาพูดติดขัดอะไร (เดิมทีไม่ใช่คนมั่นใจในการพูดเท่าไหร่นัก)

แต่พอรู้เนื้อหาแล้ว ถ้าอนาคตมีอีเวนท์แบบนี้จัดอีกก็อยากเข้าร่วมอีกแหละค่ะ อยากแก้มือเรื่องไม่กล้าพูดในครั้งนี้ แถมได้คุยกับเมมเบอร์คนอื่นก็สนุกดี และหวังว่าจะขายแบบที่ซื้อจากต่างประเทศได้ง่ายกว่านี้นะ!

สุดท้าย ขอบคุณทุกท่านที่อ่านรีพอร์ตจนจบค่ะ ไม่ได้เขียนรีพอร์ตนานแล้ว รู้สึกเขียนได้ฝืดๆ ยังไงไม่รู้ (ฮา)