สัมภาษณ์ครั้งสุดท้ายกับจูริมาโกะ
เหตุผลที่จบการศึกษา?
สายสัมพันธ์ MJ ตราบจนนิรันดร์
ข้อความสุดท้ายถึง AKB48
ภาพประกอบจากสเตจจบการศึกษา ทาคาฮาชิ จูริ 02/05/2019
การสัมภาษณ์ครั้งสุดท้ายของสองคนที่ทุกคนอยากจะรู้เรื่องมากที่สุดในขณะนี้ ทั้ง ทาคาฮาชิ จูริ (อายุ 21) และ โคจิมะ มาโกะ (อายุ 21) ที่ประกาศจบการศึกษาแล้วทั้งคู่ และเป็นที่รู้จักกันในฐานะคู่เพื่อนซี้ MJ วันนี้ เราจะมาคุยกันถึงความในใจเรื่องการจบการศึกษาที่ใกล้เข้ามา และความสัมพันธ์ของทั้งคู่กันครับ
เยือนกระท่อมสามครา**
** (เป็นสำนวนในหนังจีน จากเหตุการณ์ที่เล่าปี่ซึ่งอาวุโสกว่าไปหาขงเบ้งถึงสามครั้งทั้งที่เป็นผู้น้อยเพื่อดึงตัวมาทำงานด้วย)
เริ่มจากทาคาฮาชิ ที่ประกาศจบการศึกษาเมื่อวันที่ 4 มี.ค. เพื่อจะไปเดบิวต์อีกครั้งที่เกาหลี ในสเตจวันเกิดของตัวเอง ซึ่งเลื่อนจากกำหนดเดิมมา 1 เดือน เพราะได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุในแท็กซี่ เมื่อวันที่ 3 ก.พ.
จูริ ถ้าจัดเดือนกุมภาฯ ตามแผนเดิมล่ะก็ คงไม่ได้ประกาศที่สเตจวันเกิดล่ะค่ะ หลังจากจบออดิชั่นครั้งสุดท้ายในรายการ PRODUCE48 เมื่อหน้าร้อนปีที่แล้ว ก็ได้รับการติดต่อมาจากบริษัทบันเทิงเกาหลี Woollim Entertainment แต่จนถึงต้นเดือนกุมภาฯ ก็ยังไม่ได้ตัดสินใจเลยค่ะ
ช่วงหยุดงานจากการบาดเจ็บเพราะอุบัติเหตุทำให้การพูดคุยกันคืบหน้า
จูริ สับสนกับตัวเลือกในอนาคตของตัวเองเป็นระยะเวลานานเลยค่ะ แต่พอมาเจออุบัติเหตุ เลยรู้สึกว่าต้องเอาจริงเอาจังขึ้นแล้ว มาตัดสินใจได้หลังจากพูดคุยอย่างละเอียดในระหว่างที่ใส่เฝือกอยู่นั่นเองค่ะ แล้วก็ไปเกาหลีราว 1 สัปดาห์เพื่อไปดูงานและเตรียมตัวค่ะ ปรึกษามาโกะอยู่ตลอดเลยเนอะ
โคจิมาโกะ คุยกันมาได้ซักพักใหญ่ๆ แล้วเนอะ ถึงจะดูลำบากก็ตาม แต่ส่วนตัวแล้วฉันสนับสนุนนะ คิดว่า “ฝั่งโน้นเป็นคนชวนมาเนี่ยสุดยอดไปเลย!” เพื่อนวัยเดียวกันค้นพบสิ่งที่ตัวเองอยากทำแล้วก้าวเดินทางออกไปด้วยตนเองเนี่ย เป็นเรื่องที่น่ายินดี ทั้งกับวง ทั้งกับตัวเค้าเองเลยค่ะ
เพราะพลังโน้มน้าวใจในคำพูดของโคจิมะที่กำลังจะออกไปตามความฝันเช่นกัน
โคจิมาโกะ ถึงการอยู่ในวงจะมีเรื่องดีๆ เยอะมากก็ตาม แต่เมมเบอร์ที่มีประสบการณ์มาแล้วระดับนึงก็จะทำแต่เรื่องเดิมๆ ทุกปี เรื่องท้าทายใหม่ๆ มีน้อยลงไปเรื่อยๆ ล่ะค่ะ เพราะงั้นที่จูริซังตัดสินใจไปต่างประเทศเนี่ย ก็คงมีความไม่มั่นใจอยู่บ้างแหละ แต่คิดว่ายังไงก็จะเปล่งประกายได้อย่างแน่นอนเลยค่ะ พวกเราสองคนคุยกันเรื่องเส้นทางในอนาคตแบบนี้กันบ่อยๆ ตั้งแต่ครึ่งปีหลังของปีก่อนแล้วค่ะ
ทาง Woolim ประทับใจในการแสดงสีหน้าและเสียงร้องของทาคาฮาชิ จนยื่นข้อเสนอมาแบบเยือนกระท่อมสามครา ทำไมถึงยังไม่แน่ใจเหรอครับ?
จูริ ตอนแรกสตาฟจากทาง Woolim ติดต่อมาตรงๆ ทาง KakaoTalk ของฉันเลยว่า “ขออนุญาตโทรศัพท์หาได้ไหมครับ?” กะทันหันมากๆ ซะจนตอนแรกไม่อยากจะเชื่อเลย… กลัวก็เลยเผลอเมินไปล่ะค่ะ (หัวเราะแห้ง)
ยื่นข้อเสนอให้ควบวงด้วย
ด้วยเห็นแก่ทาคาฮาชิ ในตอนแรกจึงยื่นข้อเสนอให้ควบวงกับ AKB48 ด้วย แต่ทว่า จูริกลับจงใจปฏิเสธเส้นทางประนีประนอมนั้น
จูริ หนึ่งในสิ่งที่คิดไม่ตกที่สุดเลยคือจะยังเป็น AKB48 ต่อไปหรือเลิกไปเลย ก็คิดถึงแฟนๆ ชาวญี่ปุ่น กับแฟนๆ เกาหลีด้วยค่ะ ว่าถ้าไปในฐานะ ทาคาฮาชิ จูริ AKB48 จะดีหรือเปล่า จนถามทางโน้นไปตรงๆ ครั้งนึง เลยได้คำตอบมาว่า “อยากให้จูริมาในฐานะทาคาฮาชิ จูริ”
ทาคาฮาชิปรึกษากับทั้งอากิโมโตะ ยาสุชิซัง และสตาฟที่สนิทกันหลายต่อหลายครั้ง ทุกคนต่างเคารพความรู้สึกของทาคาฮาชิ และให้การสนับสนุนเส้นทางนี้ นอกจากนี้ ทาง Woolim (ที่มีสมาชิกญี่ปุ่นอยู่ในสังกัด) ยังเกลี้ยกล่อมอย่างหนักว่า “เราตั้งเป้าหมายว่าจะต้องทำให้เป็นวงที่ดังกว่า TWICE ให้ได้ พอกลับมาญี่ปุ่นเมื่อไร จะต้องเป็นตัวตนที่ยิ่งใหญ่ว่าตอนนี้ให้ได้เลย”
จูริ ถึงจะยังไม่มั่นใจและกลัว แต่พอพูดคุยกันก็รู้สึกได้ถึงอนาคตที่เต็มไปด้วยความเร่าร้อนและความหวัง โดยเฉพาะความเร่าร้อนนั้นสุดยอดมากเลย แถมยังเข้าใจความรู้สึกของฉันที่กลัวเรื่องที่จะเลิกจาก AKB อีกด้วย เลยตัดสินใจได้ค่ะ
โคจิมาโกะ ฉันเองก็เคยสัมผัสถึงมาตรฐานที่สูงของโลกบันเทิงเกาหลีมา เลยคิดว่าจูริซังที่ได้รับเชิญ และตอบรับคำเชิญนั้นเท่สุดๆ เลยล่ะ
จูริ ขอบคุณนะ วันจบการศึกษาอาจจะมาถึงก่อนมาโกะล่ะ (หัวเราะแห้งๆ)
ตอนประกาศจบการศึกษา ทาคาฮาชิที่มักจะมั่นใจเต็มร้อย กลับดูเกร็งสุดๆ แปลกมากเลย
จูริ มาโกะที่ประกาศไปก่อนนี้บอกมาว่า “สบายกว่าที่คิดไว้น่ะ” แต่ฉันเองไม่ไหวจริงๆ แหละ~
โคจิมาโกะ ฮ่าฮ่าฮ่า
จูริ คนของ Woolim เองก็ดูอยู่ด้วย เลยยิ่งต้องแจ้งข้อมูลออกไปให้ถูกต้องค่ะ แถมยังกังวลกับปฏิกิริยาของแฟนๆ ซะจนเกร็งสุดๆ เลย พอจบสเตจ ยูกิรินซังก็มาบอกว่า “พูดเรื่องเดิมซ้ำตั้ง 5 รอบแหนะ” (หัวเราะแห้ง) พวกรุ่นน้องก็ร้องไห้กัน ยามาเบะ อายุจังมาบอกว่า “ช่วยอยู่ไปจนกว่าฉันจะจบการศึกษาด้วยนะคะ!” เลยตอบไปว่า “อีกตั้งกี่ปีเนี่ย ไม่มีทางๆ” (ฮา) ซึ้งมากเลยค่ะที่ทุกคนเสียใจที่ฉันจากไป คิดว่าถูกกลัวเพราะว่าเป็นถึงกัปตันซะอีก
โคจิมาโกะ ผลตอบรับเกินคาดแบบนั้นก็ดีใจเนอะ! ฉันเองก็คิดว่าจะโดนกลัวแบบนั้นเหมือนกัน ไม่คิดเลยว่านารุจังจะมาร้องไห้ใส่กันแบบนี้ ดีใจมากเลย ตอนตั้งทีมใหม่ๆ ก็เหนียมๆ ประหม่า กัน เลยดีใจมากว่า “เปิดใจให้กันแล้วสินะ” ค่ะ
พัฒนาศักยภาพ
ในหนังสือพิมพ์ฉบับเดือนที่แล้ว คุราโน่ได้เล่าไว้ว่า “ตอนแรกก็คิดเอาฝ่ายเดียวว่าเป็นคู่แข่ง แต่พอได้รู้ถึงความสุดยอดในการแสดง และความใจดีของมาโกะซังมาเรื่อยๆ กลายเป็นรู้สึกว่าดีใจที่ได้มาอยู่ด้วยกัน แล้วดันเป็นจังหวะที่คิดว่าจากนี้ไปทีม K สนุกแน่ๆ ก็เลยเศร้ามาก”
โคจิมาโกะ พูดอย่างนั้นจริงๆ เหรอคะ? ดีใจน้า~ (ยิ้ม)
จูริ เห ต่างกับตอนสเตจ Thumbnail แรกๆ คนละขั้วเลยนิ
โคจิมาโกะ ตอนนารุจังบอกว่า “อยากจะจัดสเตจวันเกิดที่ทีม K” ฉันก็ดีใจมากเลย ฉันเองก็ได้รับแรงกระตุ้นจากนารุจังด้วยเหมือนกัน ทั้งจากที่ดูวิดีโอท่าเต้นของนารุจังก็ด้วย หนึ่งปีที่ผ่านมาก็ได้พัฒนาศักยภาพขึ้นเยอะเลย แต่เพราะงั้นถึงฉันไม่อยู่แล้ว ก็ยังรู้สึกว่า “นารุจัง ฝากตำแหน่งเซ็นเตอร์ด้วยนะ!” ล่ะค่ะ
จูริ ใช่เลย! ทั้งๆ ที่ปกติยิ้มเล่นไปวันๆ แท้ๆ แต่พลังการแสดงของมาโกะนี่สุดยอด ถ้านารุจังรับรู้เรื่องนี้ได้ล่ะก็ ฉันเองก็ดีใจนะ~
โคจิมาโกะ ฮ่าๆ จังหวะที่ฉันจบการศึกษาตอนนี้เนี่ย พูดก็พูดเหอะ ช่างเหมาะเจาะจริงๆ สินะ เป็นชีวิต AKB48 ที่สุดยอดเลย (ฮา)
จูริ พูดเองเออเองได้เหรอ~ แต่ก็เป็นพวกมีความมั่นใจในตัวเองสูงล่ะนะ นี่ชมนะ (ฮา) มาโกะเนี่ยอยู่ในวงมา 7 ปีแล้ว ส่วนฉันเองก็นานกว่านั้นอีก~ พอคิดงี้มันก็นานจังเนอะ
โคจิมาโกะ รุ่น 14 = ภาพลักษณ์เด็ก เนี่ยลบไม่ออกสักทีนะ ทั้งที่ความจริงก็อยู่มานานมากแล้ว (ฮา)
จูริ มาโกะประกาศจบการศึกษาไปเนี่ย แน่นอนว่าฉันก็เหงาแหละ แต่ถึงเราสองคนจะจบการศึกษาไปทั้งคู่แล้ว ฉันก็มั่นใจนะ ว่าความสัมพันธ์คงไม่เปลี่ยนหรอก เลยไม่มีเรื่องแบบนี้ในหัวเลย พวกเราสองคนนี่ไม่ใช่ว่าจะบรรลุเป้าหมายแล้วอะไรหรอกนะ แต่รู้สึกเหมือนว่าเจอสิ่งที่อยากทำมากกว่าเดิมแล้วล่ะค่ะ มาโกะที่กำลังพยายามเดินไปตามเส้นทางของมาโกะเอง ก็เป็นสิ่งที่ค้ำจุนฉันอยู่อย่างนึงเลยค่ะ
กำเนิด MJ
ตรงนี้พวกเรามาย้อนคิดถึงสาเหตุที่ทั้งคู่มีความสัมพันธ์ของแน้นแฟ้น คิดว่าเป็นตอนที่ได้มาอยู่ด้วยกันใน Takahashi Team 4 ที่ตั้งตอนปี 2015 ครับ
จูริ 3-4 ปีก่อนสินะ ฉันไม่มีความมั่นใจอะไรเลยดันโดนมาเป็นกัปตัน ถ้าตอนนั้นไม่มีมาโกะเป็นเซ็นเตอร์ต้องแย่มากๆ เลยล่ะ
โคจิมาโกะ เอ๋? พูดงั้นก็ดีใจสิ ฉันเองถูกรุ่นพี่ฝึกมาจากทีม K คิดว่าโตขึ้นหน่อยแท้ๆ แล้วเชียว ตอนแรกก็สงสัยว่า “กลับไปทีม 4 จะให้ทำอะไรเนี่ย”
จูริ พูดถึงมาโกะ ยังไงก็คือความสดใสล่ะนะ ถึงจะโดนบังคับให้ทำอะไรก็ยังสดใส เป็นประเด็นสำคัญเลย
โคจิมาโกะ สุดท้ายแล้ว ฉันเองเมื่อมาเป็นเซ็นเตอร์ พอข้างหน้าไม่มีใครอีกแล้ว รู้สึกว่าต้องมีความรับผิดชอบ ก็เลยอยู่ในทีม 4 ง่ายขึ้นล่ะ กับจูริซังเองก็ให้อารมณ์สนิทๆ กันมากกว่า ไม่ใช่ความเป็นผู้นำแบบ “เอ้า ไปกันเถอะ!” เหมือนทาคามินะซัง แถมมีมิกิกับอิซึซังอยู่ด้วย บรรยากาศดีสุดๆ เลย
จูริ ตอนนั้นน่ะโดยเฉพาะครึ่งหลังสนุกมากเลยเนอะ พวกเรารุ่นปี 97 ก็สนิทกันมากขึ้น มาโกะกับยุยริกับนานะ รุ่นปี 97 ทุกๆ คนก็ตั้งใจกันในแบบของตัวเอง เลยไม่ได้ดูแก่งแย่งอะไรกันเท่าไร แต่จริงๆ ก็ทะเลาะกันจนสนิทล่ะนะ ตอนจัดคอนฯ บรรลุนิติภาวะเองก็แบบนั้นเหมือนกัน
โคจิมาโกะ พูดแล้วก็คิดถึงเนอะ คอนฯ นั้น
เริ่มถูกเรียกว่า MJ ก็เพราะ?
ทั้งคู่ จาก PD แหละ
จูริ ที่ PD มีแฟนๆ ที่ชอบฉันกับมาโกะทั้งคู่มากขึ้นล่ะค่ะ ทั้งๆ ที่อยู่กลุ่มเต้นร้องคนละฝั่งแท้ๆ แต่แฟนๆ ชาวเกาหลีเยอะมากเลยล่ะ ดูนี่สิ อันนี้!
เป็นพวงกุญแจของทั้งคู่ กับแก้วมักที่มีตัวหนังสือ MJ และรูปล้อเลียนทั้งสองคน
โคจิมาโกะ อันนี้แฟนๆ ทำแล้วก็ส่งมาให้ล่ะค่ะ
จูริ ได้กระทั่งเสื้อวอร์มมาเหมือนกัน
โคจิมาโกะ อยากได้บ้างจัง
จูริ เดี๋ยวก็จะไม่ได้เต้นแล้วนิ
โคจิมาโกะ จะใส่เต้นที่บ้าน!
จูริ น่ารักเนอะเรา (ฮา)
พระคุณตลอดชีวิต
ทั้งคู่ทะเลาะกันออกสื่อมาตั้งแต่ตอนทีม 4 แล้ว
จูริ ดูเหมือนว่าทะเลาะกันอยู่ตลอดเลยสินะ (ฮา)
โคจิมาโกะ ฉันมีเรื่องขอบคุณจูริซังมากมายเลยล่ะ แต่ที่สำคัญที่สุดก็คือที่ยกโทษเรื่องนั้นให้ล่ะค่ะ
จูริ เอ๋?
ทั้งคู่ (ระเบิดหัวเราะ)
จูริ อ้า ลืมไปแล้วล่ะ~ (หัวเราะร่วน) เรื่องนั้นสินะ!
โคจิมาโกะ คิดว่าจะมองหน้ากันไม่ติดไปตลอดแล้วแน่ๆ ถ้าฉันเองเป็นจูริตอนนั้นก็โกรธแหงๆ ล่ะ พอยกโทษให้ง่ายๆ ก็ทำเอาคิดว่า “อ๊ะ เป็นคนที่ดีกว่าเรานิดนึงสินะ” เลยล่ะ
ทั้งคู่ (ระเบิดหัวเราะ)
จูริ นี่มันดูถูกกันนี่นา! ทางนี้ต้องดีกว่าอยู่แล้ว (ฮา)
โคจิมาโกะ ขอบคุณจริงๆ เลยค่ะเรื่องนั้น ที่ใจกว้างและรับมือได้ดีเยี่ยม! ตอนนั้น ได้ไลน์มาจากผู้จัดการว่า “จูริซังโกรธแล้วนะ” เป็นช่วงเวลาที่เสียวสันหลังวาบที่สุดในชีวิตเลยล่ะค่ะ
จูริ ที่โกรธน่ะ คือเกลียดที่ทุกคนมองว่าความสัมพันธ์ของฉันกับมาโกะเป็นเรื่องแบบนั้นไปได้ต่างหากล่ะ ทั้งที่เป็นความสัมพันธ์ที่ไม่มีอะไรแอบแฝงแท้ๆ
โคจิมาโกะ ถึงจะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ได้ทันทีก็เถอะ แต่ฉันก็ทำใจไว้ว่า “รู้สึกผิดและยังไงความสัมพันธ์ก็ไม่กลับมาแน่ๆ” แต่หลังจากนั้นตอนสเตจ Thumbnail ที่โดนจูริเล่นมาว่า “เอ้า ขอโทษจูริซะสิ” ตอนนั้นนี่ใจชื้นขึ้นมาสุดๆ เลยล่ะค่ะ
จูริ นึกออกแล้ว ตอนสเตจวันเกิด มีหัวข้อ “เรื่องที่อยากบอกโคจิมาโกะ” ล่ะเนอะ (ฮา) ความสัมพันธ์ของเราสองคนดันเจออะไรแย่ๆ เข้า ก็เลยคิดว่า “ถ้าไม่ทำอะไรสักอย่าง ความสัมพันธ์พวกเราคงไม่กลับมาเหมือนเดิมแน่ น่าเสียดาย” เลยแซวไปงั้นค่ะ
โคจิมาโกะ เป็นพระคุณที่ฉันจะไม่ลืมจนลงโลงเลยค่ะ เพราะงั้นเลยเป็น MJ ได้ยังไงล่ะ
เติมสีสันให้ชีวิต
จูริ ฉันเองได้มาโกะช่วยมานับครั้งไม่ถ้วนเลยค่ะ เป็นพลังบวกของจริงมากๆ ฉันเองเวลาเจ็บปวด เวลาเข้าโหมดวิตกจริตก็จะพะวงคิดเรื่องเดิมซ้ำๆ ก็ได้มาโกะนี่แหละค่ะที่พาฉันออกมาได้ทุกครั้ง เวลาทำงานก็อยู่ข้างกันบ่อยๆ ด้วยเนอะ
จำได้ว่าทั้ง ชิมาดะ ฮารุกะ ทั้ง มิเนกิชิ มินามิ ก็บอกไว้ว่า “พลังบวกของโคจิมาโกะเนี่ย ช่วยไว้ได้เสมอๆ เลย”
จูริ ก็ยัยนี่หาข้อดีของคนได้เก่งสุดๆ ไปเลย! พอเป็นเรื่องของตัวเอง คนเรามักจะรู้ข้อด้อยกันอยู่แล้ว แต่กลับไม่รู้ข้อดีของตัวเองกันเท่าไหร่ พอได้ยินคนมาบอกข้อดีเข้าตรงๆ แบบนั้นก็ช่วยได้อยู่แล้ว
โคจิมาโกะ ดีใจจัง แต่ก็บอกได้แค่คนที่สนิท ที่รู้จักกันดีๆ ล่ะนะ แค่บอกไปว่า “ไม่รู้เหรอว่าตรงนี้มีดียังไง? มุมมองแคบกันเกินไปแล้ว” ล่ะค่ะ (ฮา) มนุษย์เราเนี่ย ถ้าหลงตัวเองสักนิด เห็นแก่ตัวสักหน่อยก็จะดี ใช้ชีวิตง่ายขึ้นล่ะค่ะ ถ้าไม่ยอมเติมสีสันให้ตัวเองนิดหน่อยก็น่าเบื่อนะ
เป็นคำพูดที่ล้ำลึก ชัดเจนดีมากครับ “กลเม็ดทำให้คนมีความสุข” ของโคจิมะที่ดูสนุกอยู่ตลอดเวลา อยากให้ความคิดบวกนี้ของโคจิมะหลงเหลืออยู่ใน AKB48 เลยล่ะ
คำพูดถึงรุ่นน้อง
โคจิมาโกะ เอ๋? จะให้พูดอะไรได้? วันนี้ฉันมีไข้เกือบ 38 องศาแน่ะ ไม่ค่อยสบายเท่าไร (หัวเราะแห้ง)
จูริ เฮ้ยๆๆ กับเด็กที่สนิทหรือที่สนใจต้องพูดอะไรได้แน่ๆ อยู่แล้ว พูดไปให้คนรู้ว่าห่วงวงขนาดไหนสิ! อย่ามาป่วยการเมือง! (ฮา)
โคจิมาโกะ ไม่หัวเราะสิ~ มีไข้จริงๆ นะ~ (ฮา) ถ้าพูดกันจริงจังล่ะก็ รุ่นพี่ในวงก็เหลือน้อยลงทุกที ตอนนี้เป็นยุคที่ถ้ามีความทะเยอทะยานก็จะได้ออกมาอยู่ข้างหน้า อย่างทีม K ก็เด็กๆ มีที่เร่าร้อนล่ะนะ แต่ว่าเมมเบอร์ที่ไม่มีเป้าหมาย ไม่มีภาพในอนาคตอะไรเลย ก็มีอยู่เยอะเหมือนกันล่ะค่ะ น่าเสียดายเนอะ ถ้ามีหนทางในใจอยู่ แม้จะแค่เรื่องเดียวก็ออกมายืนหน้าคนอื่นได้แล้ว ถึงยังไม่มีก็ลองทำอะไรหลายๆ อย่างดูไปก่อนได้ ต้องทำตัวให้เป็นผู้ใหญ่มากขึ้น พูดออกมาเยอะๆ ยังไงก็ดีกว่าไม่พูด ไม่งั้นเดี๋ยว AKB48 คงได้จบไปพร้อมกับเด็กๆ ในวงนี่แหละ ฉันว่าการที่เมมเบอร์ที่ดูท่าจะยังอยู่ในวงต่ออย่างจูริซัง มาเจอเรื่องที่อยากทำแล้วจบการศึกษาไป ถ้าทำให้รุ่นน้องได้คิดว่า “มีเส้นทางแบบนี้เหมือนกันนะ” แล้วฮึดมีกำลังขึ้นได้ แค่นี้ก็พอใจแล้วค่ะ
จูริ อ๊ะ พูดจริงจังก็ได้นี่นา!
โคจิมาโกะ เดี๋ยวสิ (ฮา)
พวกเราเคยได้สัมภาษณ์ “โคจิมาโกะ” ตั้งแต่สมัยเดบิวต์ช่วงแรกที่ยังไม่เป็นสามทหารเสือด้วยซ้ำ พอได้เห็นพัฒนาการแบบนี้ก็ซาบซึ้งใจมากเลยครับ ชวนนึกถึงตอนนั้นที่พวกเราสัมภาษณ์โคจิมะที่เธียเตอร์เพื่อลงหนังสือพิมพ์ แล้วตรงมุมมีเคงคิวเซคนอื่นร้องไห้เจ็บใจขึ้นมาได้เลยครับ ตอนนั้นมิเนกิชิก็คอยช่วยปลอบทุกคนอย่างเอาเป็นเอาตายเลยล่ะ
จูริ เมื่อก่อนมีอะไรแบบนั้นเยอะเนอะ ฉันเป็นฝั่งที่ถูกเพื่อนร่วมรุ่นแซงหน้าไปเลยเป็นฝั่งที่เจ็บใจล่ะ แต่ว่าความรู้สึกและประสบการณ์แบบนี้ก็สำคัญนะ เดี๋ยวนี้ไม่มีอะไรแบบนั้นแล้วล่ะเนอะ!
โคจิมาโกะ ใช่ๆ เมื่อก่อนแก่งแย่งตำแหน่งกันตลอดเลยล่ะ
จูริ พวกเด็กๆ ตอนนี้ควรแคร์ว่าเพื่อนร่วมรุ่นไปถึงไหนกันแล้วมากกว่านี้
โคจิมาโกะ ถ้าไม่พูดออกมาว่า อยากเป็นอย่างโน้นอย่างนั้น ก็คงโดนฝังกลบไปแน่ๆ หนึ่งปีที่ผ่านมานี่ ฉันเองใช้ Instagram กับพวกบริการที่ฮิตในหมู่ผู้หญิงมาเรื่อยๆ ก็เจอว่ามีเด็กๆ ที่อยากทำเหมือนฉันอยู่กันหลายคน แต่จะเพราะเกรงใจหรืออายหรืออะไรก็ไม่รู้หรอก ก็มัวลังเลอยู่อย่างนั้น แล้วก็บอกผ่านคนอื่นมาว่า “อยากจะรู้วิธีเล่นไอจีค่ะ” ไรงี้ ทั้งๆ ที่ถ้ามาคุยกับฉันตัวต่อตัวก็จบแล้ว จะได้แนะนำคนอื่นๆ ให้ เรื่องพวกนี้ทำเมื่อไรก็ได้แท้ๆ ถ้ามีอะไรอยากรู้ก็ถามรุ่นพี่ซะสิ ต้องเริ่มจากที่ตัวเองก่อน
ค้นหาเรื่องราว
จูริ ปัญหาหลักเลยคือมีเด็กที่ไม่มั่นใจในตัวเองเยอะสุดๆ ฉันเองที่มาทำกิจกรรมต่างๆ นี่ จริงๆ ก็แค่เพราะอยากจะเป็นตัวตนที่ตัวเองพอใจให้ได้ ที่จะไปเกาหลีนี่ก็ด้วย ถ้าเราไม่ท้าทายตัวเอง เอาแต่อยู่ในคอมฟอร์ตโซนต่อไป ก็ไม่คิดว่าจะมีชีวิตที่ตัวเองพอใจได้ล่ะค่ะ พอมองดูตัวเองที่อยู่ใน AKB48 จะต้องเห็นตัวเองทำอะไรถึงจะมีความสุขได้กันนะ ถ้ามีแค่สักชั่วขณะที่มั่นใจในตัวเองได้ แค่นั้นก็มีค่าพอที่จะอยู่แล้ว ฉันเองรัก AKB48 ก็จริง มีที่ของฉันอยู่ตรงนี้ก็จริง แต่ว่าช่วงเวลาที่พอใจกับตัวเอง ณ สถานที่นี้ได้ก็น้อยลงไปทุกที เลยอยากจบการศึกษาค่ะ ก้าวใหม่ต่อจากนี้ก็คงเต็มไปด้วยเรื่องเจ็บปวด แต่ตัวฉันมีความมั่นใจที่สู้ชีวิต และเป็นตัวฉันอยากเป็นค่ะ ทุกคนใน AKB48 ก็ด้วย ถ้าแต่ละคนไม่ได้มีความรู้สึกแบบนั้นล่ะก็ คิดว่าคงไม่สามารถเปล่งประกายตามธรรมชาติขึ้นมากกว่านี้ได้ล่ะค่ะ ทั้งเธียเตอร์ กราเวียร์ วิทยุ งานจับมือ อะไรก็ได้ อยากให้หาจังหวะที่ทำให้ตัวเองรู้สึกได้ว่า “ฉันตอนนี้เนี่ย เปล่งประกายสุดๆ ไปเลย ดีใจจัง แฟนๆ เองก็ปลื้มใจ” ให้ได้ค่ะ ถ้ามัวแต่ทำกิจกรรมต่างๆ ไปวันๆ ก็น่าเสียดายค่ะ
ต่อด้วยปัญหาที่เป็นเพราะยุคนี้ SNS เฟื่องฟู
จูริ มีเด็กอยู่ไม่น้อยเลยที่เอาแต่เลียนแบบคนอื่นที่พบเห็น จนกระทั่งสูญเสียความเป็นตัวเองไปฉันกับมาโกะก็แค่ใส่ใจตัวเอง พอทำแบบนี้ก็จะคิดเรื่องของตัวเองได้อย่างมั่นคง อยากให้หาตัวเองกันให้เจอมากกว่านี้ค่ะ
ทั้งที่ทั้งสองคนทิ้งความมั่นคง แล้วเผชิญไปสู่โลกที่ยังไม่รู้จัก แต่ก็ยังยิ้มสนุกได้จากใจจริง
จูริ ค่ะ จะลิ้มรสในการสนุกกับความลำบากนั้น แล้วมีชีวิตต่อค่ะ
โคจิมาโกะ แบบนั้นเลย! ว่าแต่ว่าฉันเนี่ย ไม่ได้พูดอะไรแปลกๆ ไปใช่มั้ย?
จูริ ก็เป็นแบบทุกทีนี่ (หน้าจริงจัง)
โคจิมาโกะ เอ๋ สุดท้ายยังจะยังงี้เร้~อ (ฮา)
ดาวแห่งความหวังที่ทั้งสองคนสัมผัสได้
พอลองถามเรื่องรุ่นน้องที่ทั้งคู่คิดว่าฝากความหวังได้ ทาคาฮาชิตอบว่า โอโมริ มาโฮะ ดราฟต์รุ่น 3 ส่วนโคจิมะตอบว่า คุราโน่ ครับ
จูริ มาโฮะเปี้ยนเนี่ย ไม่ใช่แค่ดูแกร่งแต่ภายนอกน ข้างในก็แข็งแกร่ง ทั้งที่ได้ขึ้นแสดงตั้งแต่สเตจแรกของทีม B แต่ดันเต้นไม่เก่งระดับที่ต้องเรียนรู้ตั้งแต่วิธีจับไมค์เลยล่ะ ฉันเลยต้องสอนโหดๆ ไป อย่างวันก่อนสเตจวันเกิดฉัน ก็นั่งดูวิดีโอสเตจจากกล้องฟิกซ์ แล้วไลน์ไปว่า “ครึ่งตัวบนไม่ขยับเลยดูเต้นไม่สวย ซ้อมมาภายในพรุ่งนี้ด้วยนะ”
โคจิมาโกะ พอเขียนเป็นตัวอักษรแล้วรู้สึกแรงกว่าเดิมอีกเนอะ
จูริ อือ เพราะงั้นวันต่อมา ปกติน่าจะมองหน้ากันไม่ติดแล้วแท้ๆ แต่พอเจอกันก็กลับบอกว่า “สุขสันต์วันเกิดนะคะ” พร้อมกับให้มันตากแห้งมา (ฮา) คืนก่อนโดนโกรธแท้ๆ แต่ก็ไม่หวั่นไหวเลย ต่างกับเด็กทั่วๆ ไปที่น่าจะหัวหดไปหมดแล้ว พอเห็นอย่างนี้ก็เลยอยากให้กลายเป็นศูนย์กลางของทีม B ล่ะค่ะ อยากให้ต่อสู้กับโมเอกะล่ะ ทีม K เป็นโมเอกะสินะ
โคจิมาโกะ อือ แต่ว่า ฉันเลือกนารุจังก่อน (ยิ้มแหยๆ) เธอมีความเร่าร้อนในการทำงาน รวมถึงบนสเตจด้วย เรียกว่ามีความแน่วแน่มาก อย่างตอนซ้อมคอนทีม K ก่อนวันจริงสองวันเธอเป็นไข้สูงถึง 39 องศามาไม่ได้ แต่อีกวันก็โผล่มาพร้อมกับเจลลดไข้และผ้าปิดปาก เพราะทั้งมีสปิริตและความภูมิใจในตัวเองแบบนั้น ทำเอาฉันคิดว่าอยากจะแสดงกับเธอในตำแหน่งดับเบิ้ลเซ็นเตอร์ของยูโกะซังอิตาโนะซังในสเตจ RESET ล่ะค่ะ แน่นอนว่าโมเอกะเองตั้งแต่เข้ามาก็พยายามอยู่แหละ แต่นารุจังที่สร้างทีม K มาหนึ่งปีด้วยกัน แม้ว่าฉันจะจบการศึกษาไปแล้วก็ยังจะเชียร์ต่อค่ะ
ที่มา : หนังสือพิมพ์ AKB48 Group 22/03/2019
Leave a Reply