ก่อนอื่นต้องขอชี้แจงว่าบทความนี้จะเขียนถึงประสบการณ์ในการไปเยี่ยมชม AKB48 Theater เท่านั้น ผู้เขียนไม่ได้ถูกสุ่มเข้าไปชมการแสดงใน theater แต่อย่างใด เหมาะกับใครที่มีโอกาสไปเที่ยวอากิฮาบาระ แล้วต้องการไปเก็บบรรยากาศของ AKB48 Theater โดยจะไม่เขียนถึง AKB48 Café & Shop บริเวณใกล้สถานีอากิฮาบาระ ที่สามารถเข้าไปได้ทุกวัน

 

ทริปนี้เป็นส่วนหนึ่งของทริปญี่ปุ่นตั้งแต่ 25 – 31 มีนาคม 2017 ซึ่งก่อนนั้นต้องรอประกาศจาก akb48.co.jp/about/schedule ว่า theater ปิดวันไหนบ้าง (ขึ้นในปฏิทินว่า closed) และมีสเตจใดที่เป็นสเตจ ไม่ปกติบ้าง อันเป็นที่ทราบกันว่ามีโอกาสที่คนไม่ถูกสุ่มจะไม่สามารถขึ้นไปได้เลย ซึ่งช่วงนั้นจะมีสเตจสำหรับผู้ชมที่เป็นผู้หญิงเท่านั้น (วันที่ 25) สเตจพิเศษของ 3 ทหารเสือ (วันที่ 26) สเตจแกรดของมิกิจัง (วันที่ 27) และสเตจแกรดของโคมาริโกะ (วันที่ 30) ส่วนวันที่ 28 ที่น่าจะขึ้นไปได้


ผมไปดูฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก ทีมชาติไทยเยือนทีมชาติญี่ปุ่น จึงเลือกวันที่ 29 ซึ่งเป็นสเตจสำหรับผู้ชมที่เกิดในเดือนมีนาคม ผมที่ไม่ได้เกิดเดือนนั้นจึงไม่สามารถลงสุ่มได้ สำหรับรายละเอียดของแต่ละสเตจจะมีอธิบายเป็นภาษาญี่ปุ่น ซึ่งต้องขอขอบคุณโอตะหลายๆ ท่านที่ให้คำปรึกษาในช่วงนั้นด้วย (ปัจจุบันใน https://global-ticket.akb48-group.com/en/home/calender.php มีอธิบายเป็นภาษาอังกฤษแล้ว ซึ่งรวมถึง theater ของวงน้องในญี่ปุ่นด้วย)



ที่ตั้งของ AKB48 Theater เชื่อว่าโอตะ 48 หลายคนคงจำกันได้ขึ้นใจว่าอยู่บนชั้น 8 ของห้าง Don Quijote อากิฮาบาระ ซึ่งสามารถเสิร์ชใน Google Maps เดินตามแอปก็จะพบตึกนี้ได้ไม่ยาก จุดสังเกตสำหรับคนที่เดินมาจากฝั่งตรงข้ามถนนคือตึกที่มีป้ายเกี่ยวกับ AKB48 ติดอยู่ ซึ่งช่วงที่ผมไปจะเป็นแบบในภาพ ซึ่งอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้เรื่อยๆ



แต่สำหรับคนที่เดินมาจากฝั่งถนนเดียวกับตึก สิ่งแรกที่จะเห็นอาจเป็นเสาหน้าตึกต้นนี้ ซึ่งอาจมีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบได้เช่นกัน



เมื่อเข้ามาในตึกก็จะเห็นบรรยากาศความเป็นบ้านของ AKB48 ตั้งแต่บันไดเลื่อนชั้น 1 เป็นต้นไป รวมถึงบันไดเลื่อนขาลงที่อยู่ด้านหลัง ซึ่งรูปที่ผมถ่ายมาอาจไม่ได้เรียงลำดับตามชั้น และจำไม่ได้แล้วว่ารูปไหนอยู่ที่บันไดเลื่อนขาขึ้นหรือขาลง



หากขึ้นไปก่อนเวลาเริ่มแสดง ตามที่ระบุในเว็บไซต์ อาจพบอุปสรรคสำคัญคือป้ายที่บันไดเลื่อนชั้น 7 ขวางทางขึ้นชั้น 8 ซึ่งวันนั้นผมขึ้นไปเห็นป้ายนี้เวลาประมาณ 13.00 น. จึงถ่ายรูปป้ายนี้ส่งให้โอตะที่รู้ภาษาญี่ปุ่นช่วยดู จึงรู้ว่าหมายถึงให้โอตะที่สุ่มตั๋วถูก ขึ้นมาได้ในเวลา 16.30 น. เพื่อซื้อตั๋ว ก่อนที่การแสดงจะเริ่มในเวลา 18.30 น. ส่วนคนทั่วไปสามารถขึ้นไปเยี่ยมชมได้ในเวลา 17.00 น. ตามเวลาที่ระบุจากป้าย ซึ่งอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ในแต่ละวัน



ก่อนหน้านี้ ในช่วงปลายปี 2015 เพื่อนๆ ผมเคยมาในวันที่มีโชนิจิ (สเตจที่มีการแสดงเป็นวันแรก) ของทาคาฮาชิ จูริ ทีม 4 พบกับป้ายนี้ และไม่สามารถขึ้นไปได้เลย



เวลาประมาณ 17.00 น ป้ายนั้นไม่อยู่ขวางทางแล้ว จึงสามารถขึ้นมาถึงชั้น 8 และพบกับมุมที่ทุกคนที่ขึ้นมาชั้นนี้ต้องเห็นเป็นภาพแรกๆ


 

เดินเข้ามา ด้านขวามือจะเป็นทางเดินไปห้องน้ำ ระหว่างทางจะมีโปสเตอร์ซิงเกิลต่างๆ ติดอยู่




ส่วนทางด้านซ้าย เชื่อว่าโอตะ 48 ที่เพิ่งมาที่นี่ครั้งแรกจะต้องรู้สึกตื่นเต้นคล้ายๆ กัน เพราะสิ่งที่จะเห็นถัดจากเคาน์เตอร์ information เข้าไป เป็นภาพที่อาจคุ้นเคยจากการชมทางสื่อต่างๆ นั่นคือทางเดินที่ด้านข้างคือผนังรูปเมมเบอร์ AKB48 ในปัจจุบัน



ผนังด้านซ้ายมือ แถวบนสุดคือเมมเบอร์ทีม A แถวถัดลงมาคือทีม K, ทีม B และทีม 4 สำหรับเคงคิวเซย์จะแยกออกมาด้านในสุด ส่วนทีม 8 จะอยู่ผนังด้านขวามือ ซึ่งสำหรับวงที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา นอกจากรูปโพรไฟล์ของเมมเบอร์ที่เปลี่ยนไปทุกปีแล้ว แต่ละครั้งที่มาอาจพบว่ารูปเมมเบอร์บางคนที่เคยเห็นในครั้งก่อนไม่อยู่แล้ว หากเมมเบอร์คนนั้นมีสเตจจบการศึกษาไป เช่นเดียวกันก็อาจพบรูปเมมเบอร์หน้าใหม่ๆ หากมีการรับเพิ่มเข้ามาด้วยวิธีการต่างๆ ซึ่งวันนั้นมีรูปของโคจิมะ ฮารุนะ หรือเนี้ยง ที่กำลังจะถูกปลดลงมาในอีกไม่กี่วัน หลังสเตจแกรดในวันที่ 19 เมษายน



เมื่อเดินผ่านผนังรูปเมมเบอร์เข้ามา ก็จะเห็นบรรยากาศ lobby มีโปสเตอร์ที่น่าจะเปลี่ยนแปลงอยู่เรื่อยๆ และจุดที่หลายคนคงไม่พลาดที่จะถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึก นั่นคือซุ้มประตู theater ที่อาจคุ้นเคยกัน ซึ่งจะมีโปสเตอร์ของซิงเกิล หรืออั้ลบั้มล่าสุดที่อยู่ในช่วงโปรโมทติดอยู่ที่บานประตู ซึ่งหมายความว่าอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงทุกครั้งที่มาที่นี่เช่นกัน



วันนั้นที่เคาน์เตอร์ 48’s Shop ข้างซุ้มประตู theater มีสินค้า official โดยเฉพาะตัวอย่างรูปที่ขายในราคาต่างๆ ตามป้าย และโปรเจคของกลุ่มโอตะของเมมเบอร์หลายๆ คน ที่เห็นก็โปรเจควันเกิด มีบัตรสำหรับเขียนคำอวยพรให้เมมเบอร์ไว้หยอดใส่กล่องของแต่ละคน น่ารักมากๆ


ระหว่างที่ซึมซับบรรยากาศ ก็พบว่าโอตะเริ่มเข้ามากันเยอะขึ้นเรื่อยๆ จนเมื่อใกล้ถึงเวลา 18.00 น. staff จึงเตรียมเครื่องสแกนเพื่อความปลอดภัยมาติดตั้งที่หน้าซุ้มประตู theater ก่อนจะเรียกให้โอตะที่ถูกสุ่มยืนเรียงแถวอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย แจกตะกร้าพลาสติกสำหรับใส่ของส่วนตัว (น่าจะเข้าเครื่องสแกนด้วย) ก่อนที่โอตะที่ถูกสุ่มคนสุดท้ายจะเข้าประตูไปเกือบจะถึงเวลา 18.30 น.


อ่านถึงตรงนี้แล้วหลายๆ ท่านอาจเกิดความสงสัย แม้แต่ผมเองในเวลานั้น ก็ยังงงๆ อยู่ว่าตัวเองไปยืนและถ่ายรูปกระบวนการต่างๆ ทั้งหมดนั้นได้อย่างไรทั้งที่ไม่ถูกสุ่ม และไม่ถูก staff เชิญให้ลงไปจากชั้น 8 ต้องขออธิบายว่าเท่าที่เห็น โอตะที่อยู่บริเวณนั้นน่าจะทั้งหมด คือผู้ที่ถูกสุ่ม และมาเพื่อชมการแสดงในวันนั้น ส่วนผมซึ่งก่อนที่จะถ่ายรูปบริเวณ lobby ได้พูดคุยและสอบถาม staff เป็นภาษาอังกฤษก่อนว่าสามารถถ่ายรูปได้หรือไม่ ทำให้ staff บางคนน่าจะรู้ว่าผมเป็นชาวต่างชาติที่มาเพื่อเยี่ยมชมสถานที่เพียงอย่างเดียวอยู่แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการมาเพียงคนเดียว และยืนอยู่บริเวณมุมข้างๆ บันไดเลื่อนทางลง staff จึงอาจคิดว่าผมคงไม่ไปรบกวนผู้อื่น และอยู่ในสายตาของ staff อยู่ก็เป็นได้


 

เมื่อโอตะผู้ถูกสุ่มเข้าไปใน theater ครบแล้ว staff คนหนึ่งจึงเข้ามาหาผมที่ยืนเหลืออยู่คนเดียว และเชิญให้ผมเดินออกไปที่บริเวณผนังรูปเมมเบอร์ ซึ่งเวลานั้นมีคนต่อแถวอยู่ จึงนึกออกว่ามีโควต้าสำรอง ในกรณีที่ผู้ถูกสุ่มสละสิทธิ์ ผมจึงไปยืนต่อท้ายแถว จนใกล้ถึงเวลา 18.30 น. ไม่มี staff เรียกให้ผู้ถูกสุ่มในโควต้าสำรองเข้าไปข้างใน theater แล้ว staff จึงเชิญคนที่ต่อแถวอยู่ทั้งหมดเข้าไปยัง lobby ซึ่งในเวลานั้นปิดไฟมืดลงไปเยอะแล้ว ทำให้คิดได้ว่า ถ้าขึ้นมาใกล้เวลาเริ่มแสดง นอกจากซุ้มประตู theater จะมืดแล้ว ยังมีเครื่องสแกนตั้งขวางอยู่ด้วย จึงขอแนะนำว่าใครที่อยากเห็นและถ่ายรูปซุ้มประตู theater สวยๆ ควรจะขึ้นชั้น 8 มาก่อนเวลาที่ staff จะติดตั้งเครื่องสแกน นั่นคือเวลาที่ให้โอตะผู้ถูกสุ่มขึ้นมารอ staff เรียกให้ยืนเรียงแถวนั่นเอง แต่คงไม่จำเป็นต้องอยู่ดูกระบวนต่างๆ ซึ่งอาจไปรบกวนการทำงานของ staff และผู้อื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการมาหลายคน

 


ส่วนผมในตอนนั้นที่เดินตามโอตะคนอื่นๆ เข้าไปที่ lobby ก็พบว่ามีจอภาพเลื่อนลงมาแล้ว เป็นการถ่ายทอดสดจากใน theater และถ่ายรูปนี้ไว้ ก่อนที่ staff จะมาบอกว่าไม่ให้ถ่ายรูปอีก เวลาเดียวกับที่เพื่อนๆ ผมที่ก่อนนี้แยกกันเดินเที่ยวอากิฮาบาระตามขึ้นมา จึงทราบว่าหลังจากปล่อยให้คนขึ้นมาในเวลา 16.30 น. ก็มีป้ายห้ามขึ้นชั้น 8 ขวางอยู่ที่บันไดเลื่อนอีกครั้ง แต่ไม่ทราบว่ามาตั้งไว้เวลาใด จนใกล้ถึงเวลา 18.30 น. คนจากชั้น 7 จึงสามารถขึ้นมาได้อีกครั้ง และเมื่อการแสดงได้เริ่มขึ้น โอตะที่ไม่ถูกสุ่มทั้งหมดตรงนั้นก็ได้ชมการถ่ายทอดสดแบบ fixed camera ไปพร้อมๆ กัน


 

หลังจากใช้เวลาอยู่บริเวณนั้นกว่า 2 ชั่วโมง ก็คิดว่าได้เวลากลับแล้ว แต่ก่อนกลับก็เดินไปดูรูปเมมเบอร์ที่ผนังนั้นอีกครั้ง และพบว่าตัวอย่างรูปที่เคยตั้งขายอยู่ตรงเคาน์เตอร์ 48’s Shop ย้ายมาอยู่ที่เคาน์เตอร์ information แล้ว จึงตัดสินใจซื้อรูปใหญ่ที่สุด นั่นคือรูปรวมเมมเบอร์ที่ขึ้นสเตจครบรอบ 11 ปี ในราคา 2,000 เยน เป็นของที่ระลึก ซึ่ง staff นำมาให้แทบจะในทันที ต่างกับเมื่อช่วงต้นเดือนเมษายน 2018 ที่ผมมีโอกาสไปเยี่ยมชม SKE48 Theater นี่นาโกย่า ได้ซื้อรูปรวมเมมเบอร์ที่ขึ้นสเตจครบรอบ 9 ปี ของ SKE48 ซึ่ง staff ที่นั่นจะให้เขียนรายการรูปที่ต้องการซื้อ จากตัวอย่างที่มี ลงในกระดาษ แล้วใช้เวลานานพอสมควรในการเดินเข้าไปนำรูปมาให้ จนคิดว่าอาจจะเป็นการ print ให้ใหม่


หลังจากนั้น 1 วัน ด้วยการที่เพื่อนๆ ผมอยากมาซื้อของที่อากิฮาบาระกันอีกรอบก่อนกลับไทยในวันรุ่งขึ้น ผมจึงได้กลับมาที่นี่อีกครั้งอย่างไม่ตั้งใจ ทั้งที่รู้ว่าวันนั้นคือวันที่ 30 มีนาคม มีสเตจแกรดของนาคามูระ มาริโกะ หรือโคมาริโกะ ซึ่งเคยทราบมาว่าอาจไม่ให้คนไม่ถูกสุ่มขึ้นไปชั้น 8 ได้เลย แต่ด้วยเหตุผลอะไรไม่อาจทราบได้ เวลาประมาณ 14.00 น. ของวันนั้น ไม่มีป้ายขวางบันไดเลื่อนเลย ผมจึงสามารถขึ้นไปเห็นรูปโคมาริโกะ ก่อนหน้าที่จะถูกปลดลงมาในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า และเห็นดอกไม้แสดงความยินดีที่โอตะนำมามอบให้ในบรรยากาศอันอบอุ่น



โคมาริโกะเป็นเมมเบอร์รุ่น 9 รุ่นเดียวกับชิมาซากิ ฮารุกะ หรือพารูรุ ที่เพิ่งมีสเตจแกรดเมื่อ 26 ธันวาคม 2016 หรือก่อนวันนั้นประมาณ 3 เดือน และเป็นเรื่องน่าบังเอิญที่วันที่ 30 มีนาคม 2017 เป็นวันเกิดปีที่ 23 ของพารูรุด้วย ทำให้ผมนึกขึ้นได้ว่าหลังจากปลดรูปเมื่อจบสเตจแกรด พารูรุได้ออกมาที่ระเบียง เพื่อทักทายโอตะที่มาให้กำลังใจบริเวณหลังตึก Don Quijote ผมจึงเดินอ้อมไปทางด้านหลังตึก จินตนาการว่าอยู่ในเหตุการณ์วันนั้น และอวยพรวันเกิด โดยมีพารูรุยืนโบกมืออยู่บนนั้น อย่างมีความสุข



ถ้าบทความนี้คือนิยายเรื่องหนึ่ง ฉากจบที่แสนเซอร์ไพรส์คงเป็นหลังจากผมกลับถึงที่พักแล้ว เปิด twitter และเห็นภาพภาพนี้ ใช่แล้ว วันนั้นพารูรุกลับไปที่ AKB48 Theater ในสเตจแกรดของโคมาริโกะ และวันเกิดของตัวเองจริงๆ คงไม่ต้องถามนะครับว่าวันนั้นเป็นวันที่ผมประทับใจมากแค่ไหน