ผมเริ่มสนใจ AKB48 Group มาตั้งแต่ช่วงก่อนงานเลือกตั้งปี 2014 และหลังจากนั้นไม่กี่เดือน จึงมาติดตามอย่างจริงๆ จังๆ ประมาณช่วงงานจังเก้น (งานแข่งเป่ายิ้งฉุบ) ซึ่งตลอดระยะเวลาร่วม 5 ปี มีโอกาสได้ชมคอนเสิร์ตเต็มรูปแบบที่มีเมมเบอร์จากทุกวงในญี่ปุ่นเข้าร่วมผ่านจอมาหลายครั้ง จึงมีความฝันมาตลอดว่าอยากไปดูคอนเสิร์ตแบบนี้ที่ญี่ปุ่นสักครั้ง ซึ่งจากการศึกษามาพอสมควรก็พบว่าถึงจะมีอุปสรรคหลายๆ อย่าง โดยเฉพาะผมไม่มีความรู้ภาษาญี่ปุ่นเลย แต่ก็ยังมีแฟนๆ 48 Group ชาวไทยหลายท่านได้ร่วมกันแชร์ประสบการณ์ที่มีประโยชน์ จนผมเริ่มมีความมั่นใจว่าถ้ามีโอกาส จะต้องทำความฝันนี้ให้เป็นจริงได้สักครั้ง

15 ธันวาคม 2018 ในคอนเสิร์ตก้าวเข้าสู่ปีที่ 8 ของ HKT48 ซึ่งมี 2 เมมเบอร์จาก IZ*ONE มิยาวากิ ซากุระ และ ยาบุกิ นาโกะ เข้าร่วม จนถูกพูดถึงทั้งก่อนและระหว่างคอนเสิร์ต แต่ในช่วงท้าย ความสนใจแทบจะทั้งหมดของผู้ที่รับชมและติดตาม คือการประกาศจบการศึกษาของ ซาชิฮาระ ริโนะ หรือซัชชี่ ไอดอลแถวหน้าของ 48 Group จนกลายเป็นกระแสในวงกว้าง ซึ่งในบรรยากาศที่ทุกคนกำลังสับสนอยู่นั้น ก็มีประกาศว่าคอนเสิร์ตจบการศึกษาจะจัดขึ้นในวันที่ 28 เมษายน 2019 ที่โยโกฮามะสเตเดียม สนามเบสบอลกลางแจ้งที่เคยจัดคอนเสิร์ตจบการศึกษาของ ทาคาฮาชิ มินามิ ที่มีการประกาศโปรเจกต์วงน้องต่างประเทศ ซึ่งรวมถึง BNK48 เป็นครั้งแรก


 

ในช่วงกลางเดือนมีนาคม มีประกาศว่าจะมี AKB48 Group Spring Festival ในวันที่ 27 เมษายน ที่โยโกฮามะสเตเดียม ซึ่งก็คือก่อนคอนเสิร์ตจบการศึกษาของซัชชี่ 1 วัน ในสถานที่เดียวกัน โดยจะมีเมมเบอร์จากวงน้องทุกวงในญี่ปุ่นเข้าร่วม ซึ่งใกล้เคียงกับสิ่งที่ผมฝันมาตลอด จึงตัดสินใจว่านี่แหละคือโอกาสนั้น

จากนั้นไม่กี่วันก็มีประกาศตารางการขึ้นแสดงของเมมเบอร์ใน AKB48 Group Spring Festival โดยจะแบ่งออกเป็น 5 เวที ได้แก่ เวที A ซึ่งเป็นเวทีหลัก จะมีการแสดงของเซมบัตสึจากทั้ง 6 วง (AKB48, SKE48, NMB48, HKT48, NGT48 และ STU48) และ AKB48 ทีม 8 โดยมี AKB48 แสดงปิดท้ายซึ่งจะเป็นมินิคอนเสิร์ตจบการศึกษาของ โคจิมะ มาโกะ ด้วย ส่วนเวที B, C, D, E ซึ่งเป็นเวทีเล็กที่ติดอยู่กับอัฒจันทร์ จะมีการแสดงยูนิต และโซโล่ของเมมเบอร์หลายคน รวมทั้งเซมบัตสึจากทีม A, K, B และ 4 โดยเวที B และ E จะแสดงพร้อมกัน เช่นเดียวกับเวที C และ D ถึงแต่ละการแสดงจะใช้เวลาไม่นานนัก แต่ก็มีความหลากหลายและระยะเวลารวมที่ยาวนาน จนรู้สึกว่าคุ้มค่าและน่าสนใจมาก

จนถึงวันที่ AKB48 Group Ticket Center เปิดให้ลงสุ่ม ผมซึ่งสมัคร AKB48 Official Fanclub (Nihonbashiranokai หรือชื่อเล่นภาษาไทยว่า 2 เสา) ไว้ตั้งแต่ช่วงก่อนงานเลือกตั้งปี 2018 ก็ใช้สิทธิ์นี้ลงสุ่มคอนเสิร์ตทั้ง 2 วัน ซึ่งหลังจากนั้น 1 สัปดาห์ (ประมาณ 1 เดือนก่อนวันจัดคอนเสิร์ต) ก็มีประกาศว่าผมได้เข้าร่วมคอนเสิร์ตทั้ง 2 วัน ซึ่งผมยังจำความรู้สึกตื่นเต้นตอนรู้ผลนั้นได้เป็นอย่างดี แต่ก็ต้องรวบรวมสติเพื่อจัดการเรื่องการเดินทางและที่พัก ซึ่งช่วงที่มีคอนเสิร์ต ตรงกับช่วง Golden Week ของญี่ปุ่นพอดี และปีนี้ยังเป็นช่วงเปลี่ยนรัชศกที่มีวันหยุดยาวต่อเนื่องหลายวันเป็นพิเศษอีกด้วย จึงทำให้ค่าเดินทางโดยเฉพาะขากลับในวันถัดจากคอนเสิร์ตนั้นแพงกว่าปกติหลายเท่าตัว ผมจึงตัดสินใจวางแผนเที่ยวต่ออีก 4 วันจนครบสัปดาห์ เพื่อให้ค่าเดินทางลดลงมาอยู่ในระดับที่ยอมรับได้ ทริปนี้จึงเป็นทริปตั้งแต่ 26 เมษายน ถึง 2 พฤษภาคม คาบเกี่ยวระหว่างยุคเฮเซ และยุคเรวะไปด้วย

 

ก่อนหน้านี้ผมมีโอกาสมาญี่ปุ่นครั้งแรกในปี 2017 ซึ่งส่วนหนึ่งอยู่ใน  [รีพอร์ต] AKB48 Theater ตามประสาคนไม่ถูกสุ่ม  นั่นเอง ส่วนครั้งที่สองในปี 2018 ผมได้มีโอกาสไปเยี่ยมชม SKE48 Theater และได้ไปดูป้ายทางลงไปยัง NMB48 Theater ส่วนทริปนี้เป็นการเดินทางมาญี่ปุ่นเป็นครั้งที่ 3 และเป็นครั้งแรกที่เดินทางคนเดียว จึงต้องมีการศึกษาและวางแผนเรื่องต่างๆ อย่างละเอียดพอสมควร โดยใน 3 คืนแรก ผมเลือกที่พักที่สามารถเดินไปโยโกฮามะสเตเดียมได้ เพื่อที่จะได้ไม่ลำบากในการเดินทางทั้งก่อนและหลังคอนเสิร์ตจบ


 

ความประทับใจแรกของทริปนี้เกิดขึ้นตั้งแต่เดินทางมาถึงด่านศุลกากร ที่สนามบินนาริตะ มีเจ้าหน้าที่หญิงถามผมว่าทำไมถึงเดินทางไปโยโกฮามะ พอตอบว่าจะไปดูคอนเสิร์ต เจ้าหน้าที่ก็ถามว่าคอนเสิร์ตอะไร เมื่อผมบอกไปว่า AKB48 จากที่ทำหน้าที่อย่างจริงจัง เจ้าหน้าที่คนนั้นก็เปลี่ยนเป็นน้ำเสียงสดใสตอนพูดว่า “ซาชิฮาระซัง! โยโกฮามะสเตเดียม!” ทำให้รู้สึกว่าได้มาร่วมงานระดับประเทศเลยทีเดียว โดยตอนที่ลงสุ่มใน Ticket Center มีการให้เลือกว่าจะรับบัตรคอนเสิร์ตที่ร้านสะดวกซื้อร้านใด ซึ่งผมเลือก 7-Eleven ไว้ โดยก่อนหน้าคอนเสิร์ต 3 วัน ผมก็ได้รับอีเมลสำหรับนำไปแลกบัตรคอนเสิร์ต เมื่อผมเดินทางถึงสนามบินนาริตะ จึงนำอีเมลฉบับนั้นไปให้พนักงาน 7-Eleven ดู และได้รับบัตรคอนเสิร์ตมาเป็นที่เรียบร้อย ก่อนเดินทางไปโยโกฮามะก็ได้ชมรายการ Music Station ทางโทรทัศน์ ที่มีซัชชี่มาออกในฐานะไอดอลกับเมมเบอร์ 48 Group เป็นครั้งสุดท้าย เป็นการสร้างบรรยากาศก่อนคอนเสิร์ตใน 2 วันข้างหน้า

 

วันที่ 27 เมษายน ผมที่ได้พักผ่อนเต็มที่ในตั้งแต่คืนแรก จึงตื่นแต่เช้าเพื่อไปเยี่ยมชมความสวยงามของท่าเรือริมทะเล รวมถึงย่านไชน่าทาวน์ ก่อนที่จะเดินไปโยโกฮามะสเตเดียมซึ่งอยู่ไม่ไกลกัน และก็พบว่ามีแฟนๆ เริ่มต่อแถวอย่างเป็นระเบียบเพื่อซื้อสินค้าที่ระลึกของ AKB48 Group Spring Festival โดยมีแถวแยกสำหรับซื้อรูปสุ่มเมมเบอร์ และแถวสำหรับซื้อสินค้าที่ระลึกอื่นๆ แต่เนื่องจากมีแต่ป้ายภาษาญี่ปุ่น จึงต้องลองถามสตาฟและแฟนๆ เป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งก็ได้รับความช่วยเหลือในระดับหนึ่ง ก่อนที่สตาฟจะนำโบรชัวร์สินค้ามาแจกในแถว หลังจากซื้อของเรียบร้อย ก็นำบัตรคอนเสิร์ตมาให้สตาฟช่วยดูว่าต้องไปต่อแถวที่บริเวณใด เมื่อถึงจุดตรวจเอกสาร ก็นำพาสปอร์ตมาให้สตาฟตรวจว่าชื่อตรงกับในบัตรคอนเสิร์ตหรือไม่ จากนั้นก็ได้เดินเข้ามาในสนาม

วินาทีแรกที่เดินเข้ามาเห็นอัฒจันทร์และเวทีในโยโกฮามะสเตเดียม ทำให้ผมรู้สึกว่าการเป็นชาวไทยที่ได้ติดตาม 48 Group จนมาถึงจุดนี้ ช่างเป็นการเดินทางอันแสนไกลและยาวนานเหลือเกิน บรรยากาศทุกอย่างที่เคยเห็นในคอนเสิร์ตจบการศึกษาของทาคาฮาชิ มินามิ ผ่านจอเมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา ได้มาอยู่ตรงหน้านี้แล้ว จึงตั้งใจที่จะเก็บเกี่ยวทุกสิ่งให้ได้มากที่สุด แต่อุปสรรคสำคัญคือสภาพอากาศที่มีฝนตกปรอยๆ ทำให้อากาศที่เย็นอยู่แล้วเริ่มหนาวขึ้นเรื่อยๆ แต่ผมก็เตรียมรับมือด้วยเสื้อกันหนาว เสื้อกันฝน และสภาพร่างกายที่เตรียมพร้อมมาพอสมควร

ตามแผนที่วางไว้ หลังการแสดงของเซมบัตสึจาก AKB48 ทีม 8 บนเวที A จะมีการแสดงของยูนิต Sucheese ที่เวที C และยูนิต Sakae 6-kisei หรือ SKE48 รุ่น 6 ที่เวที D ผมจึงเริ่มต้นด้วยการไปหาที่นั่งบริเวณเวที C เมื่อถึงเวลา เซมบัตสึจาก AKB48 ทีม 8 ที่คุ้นหน้าคุ้นตาก็ออกมาแสดงเปิดด้วยเพลงคุ้นหู แต่เมื่ออยู่ในบรรยากาศสนามกีฬากลางแจ้งขนาดใหญ่ การได้ร่วมเชียร์ไปกับแฟนๆ จึงให้ความรู้สึกต่างจากที่เคยชมผ่านจออย่างสิ้นเชิง โดยในช่วง MC ผมได้ยิน โอกุริ ยุย หรือยุยยุย พูดว่า SNS และพูดถึงแฮชแท็ก #HaruFesAKB ก่อนจะนำกล้องมาถ่ายเซลฟี่ร่วมกับเพื่อนๆ บนเวที จึงคิดว่าคอนเสิร์ตนี้น่าจะถ่ายรูปและนำไปโพสในโซเชียลได้ แต่เนื่องจากคนญี่ปุ่นรอบข้างผมไม่มีใครยกกล้องขึ้นมาถ่ายเลย จึงไม่มั่นใจว่าคิดถูกหรือเปล่า หลังจากนั้นเมมเบอร์ได้แสดงเพลงยูนิต เพลงรวม และปิดท้ายด้วยเพลง 47 no Suteki na Machi e เพลงประจำของทีม 8 การได้มาชมการแสดงโดยเฉพาะเพลงนี้สดๆ และได้ยินเสียงเชียร์ที่มีเอกลักษณ์ของทีม 8 จากแฟนๆ จึงเป็นความประทับใจแรกของคอนเสิร์ตนี้

จากนั้นก็เป็นช่วงของเวที C และ D ผมที่นั่งอยู่ที่เวที C ได้ชมการแสดงของยูนิต Sucheese ยูนิตที่รวมเมมเบอร์ดาวรุ่งของแต่ละวงอย่าง คุโบะ ซาโตเนะ และ ยาฮากิ โมเอกะ AKB48, สุเอนากะ โอกะ SKE48, อุเมยามะ โคโคนะ NMB48, วาตานาเบะ อาคาริ HKT48, โอกุมะ สึกุมิ NGT48 และ อิชิดะ จิโฮะ STU48 ซึ่งแสดงบนเวทีที่อยู่ในระยะใกล้ผู้ชมมาก จึงได้เห็นความน่ารักของแต่ละคนอย่างใกล้ชิด จนเผลอโดนตกโดยไม่รู้ตัว ส่วนเวที D ที่อยู่อีกฟากหนึ่งของสนาม ก็ได้เห็นการแสดงของ SKE48 รุ่น 6 อยู่ไกลๆ โดยมีการถ่ายทอดให้ชมผ่านจอขนาดใหญ่บนเวที A แต่ก็ได้ยินเสียงเชียร์ของแฟนๆ จากหน้าเวที D ดังมาถึงเวที C เลยทีเดียว ในระหว่างนี้ก็เริ่มเห็นแฟนๆ ชาวญี่ปุ่นยกกล้องขึ้นมาถ่ายรูปและวิดีโอกันบ้างแล้ว ผมจึงเริ่มถ่ายรูปบ้าง

ช่วงเวที B และ E ผมก็เลือกที่จะเดินไปเวที E ที่อยู่ถัดไป เพื่อชมการแสดงโซโล่ของ ทานากะ มิคุ HKT48 ที่แม้ว่าฝนจะตกแรงขึ้นเรื่อยๆ แต่ความพยายามของมิคุก็ทำให้การแสดงออกมาดีที่สุด สมกับที่แฟนๆ ให้กำลังใจกันเต็มหน้าเวที ส่วนเวที B ก็ได้เห็นการแสดงโซโล่ของ ฮอมมะ ฮินาตะ NGT48 อยู่ไกลๆ และผ่านจอเช่นกัน

ก่อนที่ผมจะเดินต่อไปยังหน้าเวที D เพราะจะมีการแสดงที่ผมตั้งใจมาดูมากในช่วงถัดไป มีการแสดงบนเวที A ของเซมบัตสึจาก NMB48 และเป็นช่วงที่ฝนตกหนักที่สุดของวัน ซึ่งนอกเหนือจากซิงเกิลล่าสุด Tokonoma Seiza Musume แล้ว ยังเลือกเพลงดังของวงอย่าง HA!/Nagiichi/Bokura no Eureka/Oh My God!/Kitagawa Kenji/Rashikunai/Durian Shounen มาแสดง และปิดท้ายด้วย Warota People ซึ่งทุกเพลงเป็นเพลงที่สนุก มีเอกลักษณ์ของวง และเมมเบอร์ก็ทุ่มเทให้กับการแสดงมาก จนฝนไม่ได้เป็นอุปสรรคในการสร้างบรรยากาศความสนุกเลย

ช่วงเวที C และ D ผมที่นั่งอยู่หน้าเวที D ก็ได้ชมหนึ่งในยูนิตที่ตั้งใจมาดูอย่าง 16 Enpi-Chu! หรือ AKB48 รุ่น 16 ที่มีเมมเบอร์ที่ให้กำลังใจมาตลอดในช่วง 2 ปีหลังหลายคน ได้เห็นความรัก ความผูกพันของเมมเบอร์ผ่านการแสดงทั้ง 4 เพลง รวมถึงเพลง Dakitsukouka? ซึ่งถือเป็นเพลงประจำรุ่นของเมมเบอร์รุ่น 16 เป็นอีกความประทับใจของคอนเสิร์ตนี้ ส่วนเวที C เป็นการแสดงของยูนิต 2ki หรือ NGT48 รุ่น 2 ก็มองเห็นจากระยะไกลว่ามีแฟนๆ มาเชียร์กันเยอะเช่นกัน

ด้วยความที่ได้ที่นั่งดีมากหน้าเวที D จึงตัดสินใจเปลี่ยนแผน ไม่เดินไปเวที B ซึ่งมีการแสดงโซโล่ของ อิชิดะ จิโฮะ STU48 ที่เพิ่งขึ้นแสดงในยูนิต Sucheese ไป มานั่งชมจากระยะไกลผ่านจอแทน และมีการแสดงโซโล่ของ ซาคากุจิ นางิสะ AKB48 ทีม 8 จากเวที E ให้ชมเช่นกัน แต่ถึงจะไม่ได้ไปชมหน้าเวที ก็สัมผัสถึงบรรยากาศการแสดงสดๆ ได้

 

ช่วงเวที A ของเซมบัตสึจาก SKE48 เป็นอีกช่วงที่เลือกเพลงได้น่าสนใจ เปิดด้วยเพลง Gonna Jump, ซิงเกิลล่าสุด Stand By You, เพลงสนุกอย่าง Oki Doki แถมยังได้ชมการแสดงในเพลงซิงเกิลของ AKB48 อย่าง Oogoe Diamond เพลงที่ทำให้เราได้รู้จัก มัตสึอิ จูรินะ และ Sentimental Train เพลงซิงเกิลเลือกตั้ง 2018 ที่มีเซ็นเตอร์ และเซมบัตสึเมมเบอร์หลายคนอยู่บนเวทีตอนนี้ ปิดท้ายด้วยเพลงดังของวงอย่าง 1!2!3!4! YOROSHIKU! และ Pareo wa Emerald

และก็มาถึงการแสดงบนเวที D ที่ผมตั้งใจมานั่งรอชม คือการแสดงของยูนิต YuuNaa ของ มุรายามะ ยุยริ หรือยุยรี่ และ โอคาดะ นานะ หรือนาจัง AKB48 ซึ่งเป็น 2 เมมเบอร์ที่ติดตามมากที่สุด เมื่อได้ชมการแสดงบนเวทีในระยะใกล้ ก็ได้เห็นความสามารถที่สะกดคนดู เสียงร้องสดที่เพราะมาก รวมถึงความน่ารักเวลาทั้งคู่อยู่ด้วยกัน ผ่านการแสดงและการพูดคุยแบบที่เคยเห็นมาตลอด เป็นความประทับใจที่คงจะอยู่ในใจไปอีกนาน โดยแสดงเพลง JOKER ผลงานโซโล่ของ ยามาโมโตะ ซายากะ ด้วย ส่วนเวที C ในช่วงนั้นเป็นการแสดงของยูนิต Hinokoku Kumamoto Sanjuushi ที่มี 3 เมมเบอร์จากจังหวัดคุมาโมโต้ คุราโน่ นารุมิ AKB48 ทีม 8, ทานากะ มิคุ HKT48 และ อิโนะอุเอะ รุกะ SKE48 ซึ่งก็ได้ยินเสียงเชียร์ของแฟนๆ ดังมาถึงเวที D เช่นกัน

ต่อมาเป็นช่วงเวที A ของเซมบัตสึจาก NGT48 ที่ถึงแม้ว่าจะเป็นช่วงที่มีข่าวไม่ค่อยดี แต่เมมเบอร์ก็ทำหน้าที่กันอย่างเต็มที่ เริ่มด้วยเพลงในทำนองที่ทุกคนคุ้นเคยอย่าง NGT48/Midori to Mori no Undokouen และเพลงซิงเกิลอย่าง Seishun Dokei/Sekai wa Doko Made Aozora na no ka?/Haru wa Doko Kara Kuru no ka?/Sekai no Hito e และ Max Toki 315-gou โดยในช่วงนี้ผมได้เดินข้ามฟากสนามจากเวที D มานั่งหน้าเวที C เพื่อรอชมการแสดงในช่วงต่อๆ ไป

ช่วงเวที B และ E เป็นการแสดงโซโล่ของ ชิโรมะ มิรุ หรือมิรุรุน NMB48 ที่เวที B และ โนจิมะ คาโนะ SKE48 ผู้ชนะการแข่งขันร้องเพลงของ 48 Group ที่เวที E ซึ่งผมที่นั่งอยู่หน้าเวที C ก็รับชมผ่านจอ แต่ก็เห็นบรรยากาศสดๆ อยู่ไกลๆ

 

ก่อนที่เวที C ที่ผมตั้งใจมานั่งรอ จะมีการแสดงของ AKB48 โอคาเบะ ทีม A ซึ่งมีเมมเบอร์หลายคนที่อยากเจอ เริ่มด้วยเพลงฮึกเหิมอย่าง AKB Sanjou! รวมถึงเพลง Lavender Field จากสเตจ ‘M.T. ni Sasagu’ ที่ชอบมาก แต่ก็ต้องแลกมากับการที่ไม่ได้ชมการแสดงของ AKB48 มุรายามะ ทีม 4 ที่แสดงพร้อมกันอยู่ที่เวที D ซึ่งมาทราบทีหลังว่าแสดงเพลง Hashire! Penguin ด้วย

จากนั้นผมก็เดินข้ามฟากสนามมานั่งหน้าเวที B ชมการแสดงของเซมบัตสึจาก HKT48 บนเวที A นำโดยซัชชี่ ซึ่งเหมือนเป็นการเตรียมตัวสำหรับคอนเสิร์ตจบการศึกษาในวันรุ่งขึ้น แม้ว่าจะแสดงเพียงไม่กี่เพลง แต่ก็เลือกมาแต่เพลงที่สนุกมาก ทั้ง Rock da yo, Jinsei wa…/Hayaokuri Calendar/Melon Juice/ซิงเกิลล่าสุด Ishi/Shekarashika/Sakura, Minna de Tabeta/12byou และ Saikou ka yo ซึ่งซัชชี่ก็เอนเตอร์เทนเก่งสมคำร่ำลือจริงๆ จนคิดไปถึงวันรุ่งขึ้นว่าจะต้องสนุกและประทับใจมากกว่านี้ไปอีก

ที่ผมมานั่งรออยู่หน้าเวที B ก็เพื่อจะชมการแสดงของ AKB48 ทาคาฮาชิ จูริ ทีม B ซึ่งแม้ว่ากัปตันที่กำลังจะจบการศึกษาในอีกไม่กี่วันจะไม่มา แต่เมมเบอร์คนอื่นๆ ก็แสดงให้เห็นถึงความน่ารักของทีม B กันอย่างเต็มที่ การได้ชมการแสดงในเพลง Team B Oshi ที่มี คาชิวากิ ยูกิ หรือยูกิริน ร่วมแสดงด้วย ก็รู้สึกคิดถูกมากที่เลือกมาเวทีนี้ แต่ก็ทำให้พลาดชมการแสดงของ AKB48 โคมิยามะ ทีม K ที่แสดงพร้อมกันอยู่ที่เวที E ซึ่งมาทราบทีหลังว่าแสดงเพลง Korogaru Ishi ni Nare และ Saishuu Bell ga Naru ด้วย

แล้วผมก็เดินข้ามฟากสนามอีกเป็นครั้งสุดท้ายมายังหน้าเวที C ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันออก การได้มองเห็นดวงอาทิตย์เป็นครั้งแรกของวันในเวลา 17.30 น. หลังฝนหยุดตกมาพักใหญ่ แสงอาทิตย์ที่สาดส่องมายังเวที A พร้อมกับการเริ่มการแสดงของเซมบัตสึจาก STU48 วงน้องที่มีเธียเตอร์อยู่บนเรือเดินสมุทร ที่แสดงเพลง Yume Chikara/Pedal to Sharin to Kita Michi to/เพลงคลาสสิคของ AKB48 อย่าง Kimi no Koto ga Suki Dakara/Kurayami/Omoidasete Yokatta/ซิงเกิลล่าสุด Kaze wo Matsu และ Shukkou ช่างเหมาะกับบรรยากาศที่มีแสงอาทิตย์ยามเย็น ในสนามที่อยู่ใกล้ชายฝั่งทะเลจริงๆ

เหตุผลที่เลือกมานั่งอยู่หน้าเวที C เพราะจะมารอชมการแสดงของยูนิต Queentet จาก NMB48 ที่มี โยชิดะ อาคาริ, มุราเสะ ซาเอะ, ชิบุยะ นางิสะ และ โอตะ ยูริ ซึ่งเป็นอีกยูนิตที่น่าสนใจมาก มีเพลง Which One เป็นเพลงประจำยูนิต โดยแสดงพร้อมกับยูนิต Chou จาก HKT48 ที่เวที D

เข้าสู่ช่วงการแสดงบนเวที A ของเซมบัตสึจาก AKB48 ที่เปิดด้วยเพลง RIVER/Haru no Hikari Chikadzuita Natsu และ High Tension ก่อนจะเข้าสู่ช่วงมินิคอนเสิร์ตจบการศึกษาของ โคจิมะ มาโกะ หรือโคจิมาโกะ เมื่อเข้าสู่ช่วงค่ำ ผู้ชมในสนามพร้อมใจกันเปลี่ยนสีแท่งไฟเป็นสีเหลือง สีของ AKB48 ทีม 4 เริ่มด้วยเพลงยูนิต Namida no Hyomen Choryoku และ Kokoro no Hashi no Sofa ก่อนที่แสงไฟบนเวทีจะดับลง และเมื่อเพลง Seijun Tired เริ่ม เราก็ได้เห็นการรวมตัวของ 3 ทหารเสือ AKB48 รุ่น 14 โคจิมาโกะ, นาจัง และ นิชิโนะ มิกิ เมมเบอร์ที่จบการศึกษาไปเมื่อ 2 ปีที่แล้ว และยูนิต Tentoumu Chu! ที่มี 3 ทหารเสือ โคจิมาโกะ – นาจัง – มิกิ, คิตากาวะ เรียวฮะ SKE48, ชิบุยะ นางิสะ NMB48, ทาชิมะ เมรุ และ โทโมนากะ มิโอะ HKT48 ที่ไม่ได้พร้อมหน้าแบบนี้กันมานานแล้ว ก่อนจะเรียกน้ำตากันด้วยการแสดงโซโล่ของโคจิมาโกะในเพลง Sakura no Ki ni Narou และปิดท้ายด้วยเพลง Seijun Philosophy เพลงของ AKB48 ทีม 4 ยุคถือกำเนิดใหม่ในปี 2013 ที่มีโคจิมาโกะเป็นเซ็นเตอร์ เป็นการอำลาด้วยบรรยากาศอันแสนประทับใจ

ช่วงสุดท้าย มุไคจิ มิอง หรือมี่อง ที่วันนี้ทำหน้าที่โซคังโตคุอย่างเป็นทางการ ในอีเวนต์รวมของ AKB48 Group เป็นครั้งแรกได้ดีมาก ประกาศโปรเจกต์ Gyao Senbatsu ที่มีเมมเบอร์จากแต่ละวงในญี่ปุ่น วงละ 3 คน รวม 18 คน แสดงในเพลง First Rabbit โดยให้ผู้ชมโหวตเพื่อร่วมงานกับผู้สนับสนุนในอนาคต ก่อนที่เซมบัตสึจาก AKB48 จะออกมาร่วมแสดงด้วยกันในเพลง AKB Festival และ 10nen Sakura ปิดท้ายคอนเสิร์ตในวันนี้ที่มีครบทุกรสชาติ เต็มอิ่มกับการแสดงในเวลารวมถึง 6 ชั่วโมงกว่า ก่อนที่ผมจะเดินกลับที่พัก เตรียมตัวสำหรับคอนเสิร์ตจบการศึกษาซัชชี่ในวันรุ่งขึ้น


 

วันที่ 28 เมษายน ผมใช้เวลาตั้งแต่เช้า ออกจากที่พักไปเที่ยวตาม Landmark ต่างๆ ของโยโกฮามะ รวมถึงนิสสันสเตเดียม สนามที่เคยใช้จัดฟุตบอลโลกนัดชิงชนะเลิศปี 2002 และงานเลือกตั้ง AKB48 ในปี 2013 ที่ทำให้เราได้เซ็นเตอร์เพลง Koi Suru Fortune Cookie ก่อนจะไปถึงโยโกฮามะสเตเดียมในช่วงบ่าย ซึ่งวันนี้ต่างจากเมื่อวานคือท้องฟ้าแจ่มใสมาก มีแสงแดดตลอดทั้งวัน ผู้คนในเมืองต่างออกมาทำกิจกรรมกลางแจ้งตามสถานที่ต่างๆ บรรยากาศหน้าสนามเต็มไปด้วยผู้คนที่แต่งตัวพร้อมอุปกรณ์การเชียร์สีเหลือง ซึ่งเป็นสีโปรดของซัชชี่ ทำให้คิดถึงที่เคยเห็นใน Twitter ว่ามีแฟนๆ ช่วยกันทำตุ๊กตาไล่ฝนสำหรับคอนเสิร์ตวันนี้โดยเฉพาะ (สงสัยจะลืมทำเผื่อเมื่อวาน…) เป็นนิมิตหมายที่ดีสำหรับหนึ่งในคอนเสิร์ตสำคัญในหน้าประวัติศาสตร์วงการไอดอลญี่ปุ่น ส่งท้ายยุคเฮเซที่จะสิ้นสุดในอีก 2 วัน โดยมีป้ายบอกตรงทางเข้าชัดเจนว่าคอนเสิร์ตในวันนี้ ไม่อนุญาตให้ถ่ายรูปและวิดีโอขณะทำการแสดง

เมื่อผ่านจุดตรวจเอกสาร ยืนยันตัวตนว่าชื่อตรงกับในบัตรคอนเสิร์ตเรียบร้อย เดินเข้ามาในสนามก็มีแฟนๆ นำแผ่นกระดาษโปรเจกต์มาแจกให้ด้วย บรรยากาศในสนามตอนนั้นคึกคักมาก โดยวันนี้เป็นคอนเสิร์ตที่ระบุที่นั่งในบัตร ผมก็ได้รับความช่วยเหลือจากสตาฟดีมาก อาจจะด้วยความที่เป็นชาวต่างชาติที่พูดภาษาญี่ปุ่นไม่ได้ สตาฟหญิงคนหนึ่งจึงพาผมเดินมาส่งถึงที่นั่งเลย ซึ่งผมก็รู้ในตอนนั้นเองว่าได้รับการสุ่มที่นั่งในตำแหน่งที่ดีมาก นอกจากจะใกล้ด้านข้างของเวทีหลักแล้ว ยังอยู่แถวหน้าสุดด้วย

เมื่อใกล้ถึงเวลาก็ได้ยินเสียง Kage-ana ของซัชชี่ ซึ่งถึงจะฟังไม่เข้าใจ แต่ก็สัมผัสได้ถึงความสนุกสนานแล้ว รออีกไม่นานก็มี VTR ที่บอกเล่าเรื่องราวของเด็กผู้หญิงที่เป็นโอตะไอดอล ก่อนจะก้าวเข้ามาเป็นไอดอล และเมื่อ Overture ดังขึ้น แฟนๆ ทั้งสนาม 38,000 คนก็พร้อมใจกันลุกขึ้นยืน เสียงเชียร์ที่ดังกระหึ่มทำให้ผมขนลุก ก่อนที่ซัชชี่และเมมเบอร์ HKT48 จะออกมาในชุดฮากามะราวกับอยู่ในเทศกาลเฉลิมฉลอง เปิดด้วยเพลง #SukiNanda แล้วบรรยากาศความสนุกก็ถูกเร่งขึ้นด้วยเพลง Rock da yo, Jinsei wa…/Hayaokuri Calendar/Suki! Suki! Skip! และ Jiwaru DAYS ซิงเกิลจบการศึกษาของซัชชี่กับ AKB48 จนผมแทบจะลืมไปว่านี่คือคอนเสิร์ตจบการศึกษา ก่อนจะเบรกด้วยช่วง MC ที่ถึงจะฟังไม่เข้าใจ แต่บรรยากาศในสนามก็ทำให้รับรู้ถึงความรู้สึกได้ว่าเมมเบอร์พูดด้วยอารมณ์ไหน

ช่วงที่ 2 ซัชชี่ร่วมแสดงกับเมมเบอร์ HKT48 ทั้งเพลงยูนิต และเพลงที่แสดงกับเมมเบอร์รุ่นต่างๆ ซึ่งสัมผัสได้ถึงความผูกพันที่ซัชชี่มีกับเมมเบอร์ HKT48 ทุกคนจริงๆ ก่อนที่เพลง Choose me! จะมีแขกรับเชิญคือ มิเนกิชิ มินามิ หรือมี่จัง, มิยาซากิ มิโฮะ หรือเมี้ยว และเซอร์ไพรส์แรกด้วยการปรากฏตัวของ คิตาฮาระ ริเอะ หรือคิตาริเอะ เมมเบอร์ AKB48 และ NGT48 ที่จบการศึกษาไปเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งทั้งเมี้ยวและคิตาริเอะ คือเมมเบอร์ AKB48 รุ่น 5 รุ่นเดียวกับซัชชี่นั่นเอง

ตามมาด้วยเพลง LOVE TRIP ที่ซัชชี่ร่วมแสดงกับเมมเบอร์วงอื่นๆ ทั้ง จูรินะ นาจัง มี่อง และยุยยุย ก่อนที่เพลง Halloween Night จะมี โมเอกะ AKB48, มิรุรุน และ โยชิดะ อาคาริ NMB48, ทาคาคุระ โมเอกะ และ มาชิโมะ คาโฮะ NGT48

จากนั้นเป็นเพลง Namaiki Lips ของคู่หู นาโกะมิคุ ที่ซัชชี่แสดงคู่กับมิคุ, เพลง Naminori Kakigoori ของยูนิต Not Yet ที่มีซัชชี่เป็นเมมเบอร์ โดยแสดงกับ โมโตมุระ อาโออิ, มุราชิเกะ อันนะ และ อุเอโนะ ฮารุกะ HKT48 ก่อนที่ โยโกยามะ ยุย หรือยุยฮัง และคิตาริเอะ เมมเบอร์ตัวจริงอีก 2 คนจากยูนิต Not Yet จะปรากฏตัว พร้อมกับ โอยะ ชิสุกะ AKB48 ที่มาแทน โอชิมะ ยูโกะ ในเพลง Shuumatsu Not yet ซึ่งส่วนตัวรู้สึกดีใจมากที่ได้ชมการแสดงในเพลงนี้สดๆ ก่อนที่มี่จังและเมี้ยวจะออกมาในช่วง MC ร่วมกับ 4 คนนี้ ด้วยความที่เป็นเมมเบอร์ที่รู้จักกันมานาน จึงเป็นอีกช่วงที่สร้างเสียงหัวเราะให้กับทุกคน

ต่อด้วยเพลง 2018nen no Hashi ที่ซัชชี่แสดงร่วมกับคู่หู เมรุมิโอะ และเมื่อดวงอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้า เสียงเพลง Yuuhi wo Miteiru ka? ก็ดังขึ้น โดยซัชชี่ร้องเพลงนี้ร่วมกับเมมเบอร์ HKT48 รุ่น 1 ที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมานาน และยังมี นาคานิชิ จิโยริ AKB48, ทานิ มาริกะ SKE48 ที่ทั้งคู่เดบิวต์กับ HKT48 รวมทั้ง โอตะ ไอกะ หรือเลิฟตัน ที่เดบิวต์กับ AKB48 และจบการศึกษากับ HKT48 เมื่อ 2 ปีที่แล้ว ก่อนที่ในช่วงท้ายเพลง จะมีเสียงร้อง และ VTR ของ มิยาวากิ ซากุระ HKT48 รุ่น 1 ที่พักงานกับ HKT48 ไปเป็นเมมเบอร์ IZ*ONE ซึ่งในวันนั้นมีงานที่เกาหลีใต้พอดี เรียกน้ำตาให้ทั้งทุกคนที่แสดงอยู่ และคนดูในสนามได้ในทันที ก่อนที่ซากุระจะพูดแสดงความยินดีกับการจบการศึกษา และขอโทษที่ไม่สามารถมาร่วมในคอนเสิร์ตวันนี้ได้ พร้อมกับขอบคุณซัชชี่ ซึ่งสำหรับผมที่ติดตามทั้ง 48 Group และ IZ*ONE ก็ยอมรับว่าเป็นโมเมนต์ที่เต็มไปด้วยความรู้สึกที่สับสนและเจ็บปวดจริงๆ

จากนั้นเป็นช่วงที่ซัชชี่แสดงร่วมกับเมมเบอร์ HKT48 ในเพลง Ishi ซิงเกิลจบการศึกษาของซัชชี่กับ HKT48/Make noise/Shekarashika/Buttaoreru Made และ Enjou Rousen ที่ซัชชี่แสดงคู่กับยูกิริน

 

เมื่อแสงไฟดับลง ก็มี VTR จาก วาตานาเบะ มายุ หรือมายูยุ ที่จบการศึกษาไปแล้ว ก่อนที่มายูยุจะออกมาแสดงร่วมกับซัชชี่ ในเพลง Avocado Janeshi… ซึ่งสำหรับผมที่ติดตาม 48 Group มาร่วม 5 ปี ผ่านยุคที่ 2 คนนี้ขับเคี่ยวกันมาตลอดในงานเลือกตั้งอยู่หลายปี จนมายูยุจบการศึกษาไป การได้เห็นมายูยุกลับมาในคอนเสิร์ตจบการศึกษาของซัชชี่ ซึ่งเป็นทั้งรุ่นพี่รุ่นน้อง คู่แข่ง และเพื่อน ก็เป็นอีกโมเมนต์ที่เปี่ยมไปด้วยความหมายมากจริงๆ

เมื่อเสียงเพลงถัดไปเริ่มขึ้น ผมก็รู้สึกแปลกใจพอสมควร เพราะเป็นเพลง Kimi no Na wa Kibou ของ Nogizaka46 ซึ่งเมื่อซัชชี่ร้องท่อนแรกจบ ก็มีเสียงร้องที่คุ้นเคยของ ยาบุกิ นาโกะ IZ*ONE มาพร้อมกับภาพใน VTR ที่รวบรวมความรักความผูกพันตลอดระยะเวลาหลายปีของทั้งคู่ ซึ่งจังหวะที่ได้ยินเสียงร้องของนาโกะ ก็ราวกับมีสวิตช์เปิดให้ทั้งน้ำตา และความรู้สึกต่างๆ ตลอดระยะเวลาหลายปี หลั่งไหลออกมา ทั้งกับซัชชี่ และคนดูในสนาม ก่อนที่นาโกะจะพูดขอบคุณ ขอโทษที่ไม่สามารถมาร่วมในคอนเสิร์ตวันนี้ได้ และแสดงความยินดีกับ “ซาชิโกะจัง” ของเธอ

แต่บรรยากาศของน้ำตาก็อยู่ได้ไม่นานนัก เพราะมีช่วง MC พิเศษ ของคู่หู มายุกิ มายูยุและยูกิริน ที่ตั้งแต่มายูยุจบการศึกษาไป เราก็ไม่ค่อยได้เห็นความน่ารักเวลาทั้งคู่ได้พูดคุยกันแบบนี้สักเท่าไร ถือเป็นโบนัสจริงๆ

 

จากนั้นเป็นช่วงรำลึกถึงคุณอุจิดะ ยูยะ หรือป๋ายูยะ Rocker ในตำนาน ผู้เสียชีวิตไปเมื่อเดือนมีนาคม ที่เคยมีผลงานเพลงร่วมกับซัชชี่ โดยได้คุณมัตสึโมโตะ ฮิโตชิ นักแสดงตลกชื่อดัง ที่วันนี้แต่งตัวเลียนแบบป๋ายูยะได้เหมือนมากจนน่าตกใจ ร่วมแสดงกับซัชชี่ในเพลง Shake It Up, Baby เพลงประกอบภาพยนตร์ Barairo no Buko ที่ซัชชี่แสดงนำ เรียกเสียงหัวเราะได้ทั้งสนาม จนผมรู้สึกทึ่งกับซัชชี่และทีมงานผู้จัดมาก ที่สามารถทำให้บรรยากาศไว้อาลัยกลับมาสนุก จนคนดูรู้สึกคิดถึงผู้เสียชีวิตด้วยความเคารพรักได้ด้วย

ช่วง MC ต่อมา มิคุ, มุราชิเกะ อันนะ และ มัตสึโอกะ ฮานะ หรือฮานะจัง มาสอนการเชียร์ในเพลงโซโล่จบการศึกษาของซัชชี่ Watashi Datte Idol! ทำให้การแสดงในเพลงนี้ออกมาในบรรยากาศการเชียร์ที่สนุกมาก ต่อด้วยเพลงโซโล่ Get you! ก่อนจะเข้าสู่ช่วงที่บรรยากาศความสนุกถูกเร่งขึ้นไปถึงจุดพีค เมื่อเมมเบอร์ HKT48 ทั้งหมดออกมาแสดงร่วมกันในเพลง Melon Juice ที่คนดูในสนามเปลี่ยนสีแท่งไฟจากสีเหลืองเป็นสีเขียว เพลง 12byou, Saikou ka yo และ Soredemo Suki da yo เพลงโซโล่เดบิวต์ของซัชชี่สมัยที่ยังอยู่กับ AKB48 ที่คนดูในสนามเปลี่ยนสีแท่งไฟเป็นสีชมพูของทีม A และตามชุดประจำของเพลงนี้ คั่นด้วยช่วงประกาศ ที่ตอนนั้นผมไม่ทราบเลยว่ามีประกาศอะไร มาทราบทีหลังว่าประกาศสเตจ Original สเตจแรกของ HKT48 ที่เมมเบอร์และแฟนๆ รอคอยกันมาอย่างยาวนาน โดยซัชชี่จะแต่งเพลงให้ทั้งหมด และประกาศเอเจนซี่ใหม่ในวงการบันเทิงของ มุราชิเกะ อันนะ ก่อนที่เมมเบอร์ HKT48 จะร่วมกันร้องเพลงซึ้งๆ Ima, Kimi wo Omou

 

เข้าสู่ช่วงอังกอร์ที่มี VTR: History of Rino Sashihara บอกเล่าเรื่องราวทั้งก่อนและหลังประกาศจบการศึกษา ก่อนที่ซัชชี่จะออกมาในชุดเดรสสีขาว พูดถ่ายทอดความรู้สึกต่างๆ จนบรรยากาศในสนามเวลานั้นเต็มไปด้วยเสียงร้องไห้ ก่อนที่ซัชชี่จะร้องเพลงโซโล่จบการศึกษา Itsudatte Soba ni Iru โดยมีเมมเบอร์ HKT48 มาร่วมร้องด้วย เมื่อจบเพลง ฮานะจังก็อ่านจดหมายถึงซัชชี่ โดยได้กำลังใจจากคนทั้งสนาม ก่อนที่เมมเบอร์จากวงอื่นๆ จะออกมาร่วมแสดงในเพลง Jiwaru DAYS และ Watashi Datte Idol! อีกครั้ง โดยขณะที่เมมเบอร์คนอื่นๆ แสดงอยู่บนเวทีนั้น ซัชชี่ จูรินะ ยูกิริน ยุยฮัง และมี่จัง ก็เดินมาขึ้นรถเลื่อน ที่มีมายูยุ เลิฟตัน และคิตาริเอะรออยู่ เพื่อทักทายแฟนๆ บนอัฒจันทร์ทั้งสนาม โดยจังหวะที่รถเลื่อนผ่านหน้าผมที่นั่งอยู่แถวหน้าสุดของโซนนั้น ก็ได้เห็นซัชชี่ มายุ จูรินะ ผู้ชนะของงานเลือกตั้งทั้งหมดใน 6 ปีที่ผ่านมา และยุยฮัง อดีตโซคังโตคุ ที่ทักทายแฟนๆ ฝั่งนี้ในระยะที่ห่างกันเพียงแค่ไม่กี่เมตร ส่วนตัวถือเป็นโมเมนต์ที่เป็นเหมือนบทสรุปของตาม 48 Group มาตลอดหลายปีเลย

เมื่อรถเลื่อนไปถึงช่วงกลางสนาม ก็ถึงคราวของเพลง Koi Suru Fortune Cookie และเมื่อรถเลื่อนไปถึงเวทีอีกฝั่งระหว่างเพลง เมมเบอร์ที่อยู่บนรถก็เดินมาแสดงตรงกลางเวทีต่อจนจบเพลง วินาทีนั้นผมก็รู้สึกใจหาย ที่เราจะไม่ได้เห็นซัชชี่เป็นเซ็นเตอร์เพลงที่เราคุ้นเคยกันมานานนี้อีกแล้ว

และแล้วก็ถึงเพลงสุดท้าย ซึ่งในคอนเสิร์ตนี้เลือกเพลง Sakura, Minna de Tabeta ของ HKT48 คนดูในสนามเปลี่ยนสีแท่งไฟเป็นสีชมพูของดอกซากุระอีกครั้ง บรรยากาศในสนามตอนนี้เกินคำบรรยายใดๆ แล้ว โดยในช่วงท้าย ซัชชี่ก็เดินขึ้นบันได โดยมีเมมเบอร์ร่วมกันส่งตลอด 2 ข้างทาง ไปยืนบนกระเช้า ที่ค่อยๆ ลอยสูงขึ้นไปยังมงกุฏที่อยุ่เหนือเวที ก่อนซัชชี่ที่มองลงมาเห็นทะเลแท่งไฟสีเหลือง ที่เจ้าตัวเคยเปรียบกับแสงอาทิตย์ จะพูดขอบคุณแฟนๆ เป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นแสงไฟก็ค่อยๆ ดับลง จบคอนเสิร์ตไปพร้อมๆ กับสถานะไอดอลผู้ยิ่งใหญ่ในหน้าประวัติศาสตร์ไปอย่างประทับใจที่สุด ก่อนที่ยุคเฮเซจะสิ้นสุดลงในอีกไม่กี่วัน


 

และในวันที่ 1 พฤษภาคม วันแรกของยุคเรวะ หลังจากผมใช้เวลาเดินเที่ยวอยู่ในโตเกียวเป็นวันที่ 3 ก็ได้มีโอกาสกลับไปเยือน AKB48 Theater จุดเริ่มต้นของ 48 Group อีกครั้งในรอบ 2 ปี ซึ่งในวันนั้นมีสเตจ ‘Pajama Drive’ เป็นสเตจแรกในยุคเรวะ และเป็นสเตจครบรอบการแสดงในเธียเตอร์เป็นครั้งที่ 5,000 พอดี โดยบันไดเลื่อนขึ้นชั้น 8 ของห้าง Don Quijote อากิฮาบาระ เปิดให้แฟนๆ หลายเชื้อชาติที่ยืนรออยู่ ได้ขึ้นไปในเวลา 16.30 น. ซึ่งทำให้ผมได้เป็น 1 ในคนกลุ่มแรกๆ ที่ได้เห็นรูปโปรไฟล์ใหม่ของเมมเบอร์ AKB48 ที่ติดอยู่ที่ผนังทางเข้าเธียเตอร์ ประจำปีนี้ด้วย

เมื่อถึงเวลา 18.30 น. ผมก็ได้มีโอกาสชมการแสดงจากการถ่ายทอดสดผ่านจอ บริเวณ Lobby ของเธียเตอร์ ร่วมกับแฟนๆ ที่ไม่ถูกสุ่มบัตรเข้าชม ที่วันนี้มากันเป็นจำนวนมากกว่าวันที่ผมเคยมาเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ทำให้บรรยากาศการเชียร์ที่ได้ยินเสียงจากข้างในเธียเตอร์ด้วย สนุกมาก แถมยังมีจังหวะที่สตาฟเปิดประตู จนมองเห็นเสาในเธียเตอร์ที่มีเทปสีชมพูแปะตามจำนวนปีอยู่ด้วย ราวกับได้มีโอกาสเข้าไปชมข้างในเธียเตอร์เลย ซึ่งเพลงแรกของสเตจ ‘Pajama Drive’ ก็คือ Shonichi ที่แสดงใน “วันแรก” ของยุคเรวะนั่นเอง โดยตลอดการแสดงในสเตจนี้ รวมถึงในคอนเสิร์ตทั้ง 2 วันที่ผ่านมา ก็ทำให้รู้สึกว่าถึงจะมีเมมเบอร์จบการศึกษาออกไปในยุคเฮเซ รวมถึงอีกหลายคนในช่วงนี้ แต่ก็ยังมีเมมเบอร์ในปัจจุบันอีกหลายคนที่น่าให้กำลังใจกันต่อไปในยุคเรวะ ก่อนที่ผมจะเดินทางกลับไทยในวันรุ่งขึ้น ปิดฉากทริปในฝันที่ผมตั้งชื่อเล่นๆ ว่า Golden ‘Dreams’ Week

ป.ล. ขอขอบคุณทุกท่านที่ให้ความสนใจใน Report นี้ รวมถึงทุกท่านที่ให้คำปรึกษา ความช่วยเหลือต่างๆ ตลอดจนกำลังใจ ที่ทำให้การเดินทางคนเดียวในทริปนี้ผ่านไปได้อย่างราบรื่น มา ณ ที่นี้